
พ.ท.พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท และนายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย [RBF] เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,078.26 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.29 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวมาจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ซึ่ง RBF ได้วางฐานการผลิตไว้ในประเทศเหล่านี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อความต้องการของตลาด
แม้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากภาวะต้นทุนบางรายการที่ผันผวน แต่โดยรวมรายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งจากทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ซึ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 11.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาขายไปเพิ่มขึ้น 4.90 ล้านบาท (4.71%) และ กลุ่มผลิตภัณฑ์แป้งและซอส เพิ่มขึ้น 8.66 ล้านบาท (1.57%) สะท้อนถึงความแข็งแรงของรายได้ที่มาจากหลายกลุ่มธุรกิจ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ส่วน 9 เดือนแรกของปี 68 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 3,192.10 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงานภายในประเทศ 2,475.21 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออกต่างประเทศ716.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.89 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งแม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน และยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไรจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศ และมาตรการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบบางส่วนเริ่มผ่อนคลาย โดยเฉพาะราคาข้าวสาลีที่ปรับลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นในระยะถัดไป
ด้าน พ.ท.พญ.จัณจิดา เปิดเผยว่า กลยุทธ์การเติบโตระยะยาว บริษัทจะเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย เป็นตลาดหลัก พร้อมขยายสู่ ปากีสถานและจีน ผ่านพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศ ควบคู่กับการทำตลาดโดยตรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านยอดขายและการรับรู้แบรนด์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเดีย ถูกมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศักยภาพสูงสุด โดยเรามั่นใจว่าการลงทุนและการทุ่มเททรัพยากรในอินเดีย รวมถึงการทำตลาดเชิงรุกในเวียดนามและอินโดนีเซีย จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายในปริมาณที่สูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ”
“เราเชื่อมั่นในศักยภาพ ความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าไทยในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโต โดยคาดว่าภาพรวมปี 2569 รายได้จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการดำเนินงานในต่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญ โดยบริษัท ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ จากปัจจุบัน 30% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 35-40% และต่อยอดสู่ความยั่งยืนในอนาคต”พ.ท.พญ.จัณจิดา กล่าว
นอกจากนี้ การเข้าซื้อหุ้น Big Lot ของผู้บริหารระดับสูง ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและโอกาสการเติบโตในระยะยาวของ RBF อีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 68)





