
กองทัพเมียนมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า กองทัพได้บุกเข้าตรวจค้นศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนไทย และจับกุมผู้คนได้เกือบ 350 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามศูนย์ปฏิบัติการตลาดมืดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง
ศูนย์ปฏิบัติการฉ้อโกงขนาดใหญ่ได้ขยายตัวอย่างมากในพื้นที่ชายแดนของเมียนมาที่ประสบภัยสงคราม โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตด้วยกลโกงต่าง ๆ ทั้งการหลอกให้รักและหลอกลงทุน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาถูกกล่าวหามานานว่าเพิกเฉยต่อปัญหาดังกล่าว แต่ได้เริ่มประกาศมาตรการปราบปรามอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากถูกกดดันจากจีน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทัพ
ผู้สังเกตการณ์บางรายมองว่า การบุกตรวจค้นเพิ่มเติมที่เริ่มขึ้นในเดือนต.ค. เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกจัดฉากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันจากจีน โดยไม่สร้างผลกระทบต่อผลกำไรที่ช่วยเสริมความมั่งคั่งให้กับกองกำลังพันธมิตรของรัฐบาลทหารมากนัก
หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมารายงานว่า กองทัพเมียนมาได้บุกค้นพื้นที่ชเวโก๊กโก่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการพนันและการฉ้อโกงในช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ย.
รายงานระบุว่า “ระหว่างปฏิบัติการ มีการจับกุมชาวต่างชาติ 346 คนที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการยึดโทรศัพท์มือถือเกือบหนึ่งหมื่นเครื่องที่ใช้ในการดำเนินการพนันออนไลน์ด้วย”
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2564 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดสงครามกลางเมือง พื้นที่ชายแดนของเมียนมาที่มีการควบคุมไม่เข้มงวดได้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของศูนย์กลางการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ที่เต็มใจไปทำงานหลายพันคน รวมถึงผู้ที่ถูกลักลอบค้ามนุษย์จากต่างประเทศมาทำงาน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จีน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางทหารของรัฐบาลทหารเมียนมา มีความไม่พอใจมากขึ้นต่อจำนวนพลเมืองของตนที่เป็นทั้งผู้กระทำผิดและตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงเหล่านี้
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. รัฐบาลทหารได้กล่าวโทษกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านที่อนุญาตให้มีศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงภายใต้การคุ้มครองของพวกเขา แต่ระบุว่าทางกองทัพได้ดำเนินการจัดการแล้วหลังจากที่ได้ต่อสู้เพื่อยึดการควบคุมอาณาเขตกลับคืนมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 68)





