
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงกว่า 2% ในวันพุธ (19 พ.ย.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มีการทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันจากรัสเซียไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 59.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 63.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณไปยังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ยูเครนต้องยอมรับกรอบข้อตกลงที่สหรัฐฯ ร่างขึ้นเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าวเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนและปลดอาวุธบางส่วน ขณะที่ปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงเป็นแกนนำสำคัญในการยุติสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 3 ปี
นักวิเคราะห์จาก TP ICAP Group กล่าวว่า การยุติสงครามในยูเครนอาจเปิดทางให้น้ำมันรัสเซียไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ซึ่งเป็นสองบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย โดยกำหนดเส้นตายให้บริษัทต่าง ๆ ยุติการทำธุรกรรมกับ Rosneft และ Lukoil ในวันที่ 21 พ.ย. โดยมีเป้าหมายกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัสเซียในการหารายได้สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน และคาดว่าจะทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันของรัสเซียลดน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 698,000 บาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ย. 68)





