
ซัตสึกิ คาตายามะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น เตือนว่า เงินเยนได้อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ และรัฐบาลเชื่อว่าการเข้าแทรกแซงค่าเงินถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดยังคงมีเสถียรภาพ โดยรัฐบาลจะ “ดำเนินการอย่างเหมาะสมตามความจำเป็น” อันเป็นผลมาจากการที่เงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คาตายามะส่งสัญญาณถึงการแทรกแซงตลาดในระหว่างการแถลงข่าวในวันนี้ (21 พ.ย.) ส่วนการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศครั้งล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นเกิดขึ้นเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว
เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่านายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ จะเพิ่มการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลภายใต้นโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้สถานะการคลังของญี่ปุ่นจะย่ำแย่ที่สุดในบรรดาประเทศในกลุ่ม G7 ก็ตาม
ขณะที่ดีลเลอร์หลายรายมองว่า ความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงเกี่ยวกับนโยบายการคลังของญี่ปุ่นนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองเงินเยนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 พ.ย.) คาตายามะได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีการ “เคลื่อนไหวเพียงด้านเดียวและรวดเร็วมาก” พร้อมกับกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สกุลเงินต่าง ๆ จะต้องเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ขณะนี้นักลงทุนหันไปจับตาว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ เพื่อที่จะควบคุมผลกระทบเชิงลบจากการอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งเป็นเหตุให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นแซงหน้าการเติบโตของค่าจ้าง และส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน
ทางด้านคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ กล่าวในระหว่างการแถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ว่า การอ่อนค่าของเงินเยนได้ส่งผลกระทบต่อราคาผู้บริโภค และยังกล่าวถึงความจำเป็นในการตระหนักว่า ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอาจส่งผลกระทบต่อราคาในระดับที่รุนแรงขึ้น
กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารสดที่มีความผันผวน ปรับตัวขึ้นรวดเร็วกว่าเดือนก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 2.9% ซึ่งตอกย้ำถึงผลกระทบของต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 68)





