
คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า คณะกรรมการ BOJ จะหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้และช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อ ๆ ไปที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. นี้
อุเอดะกล่าวในระหว่างการแถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่น วันนี้ (21 พ.ย.) ว่า BOJ จะมุ่งพิจารณาการเติบโตของค่าจ้างในปีหน้า ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังด้วยว่า การอ่อนค่าของเงินเยนอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เนื่องจากทำให้ต้นทุนการนำเข้าและราคาสินค้าปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง
การแสดงความเห็นดังกล่าวของผู้ว่าการ BOJ มีขึ้นหลังจากกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน และยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
“เมื่อเทียบกับในอดีต ผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่มีต่ออัตราเงินเฟ้ออาจมีมากขึ้น เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ มีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการปรับขึ้นราคาและค่าจ้าง” อุเอดะกล่าวต่อรัฐสภา
“เราต้องระมัดระวังว่า การปรับขึ้นราคาผ่านช่องทางเหล่านั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการคาดการเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน” พร้อมเสริมว่า BOJ จะเฝ้าระวังผลกระทบเกี่ยวกับค่าเงินที่จะมีต่อราคาสินค้าในประเทศ
ทั้งนี้ เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของญี่ปุ่นต้องเร่งหาทางสกัดการอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของภาคครัวเรือน
ทางด้านซัตสึกิ คาตายามะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น เตือนในระหว่างการแถลงข่าววันนี้ว่า เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ และรัฐบาลเชื่อว่าการเข้าแทรกแซงค่าเงินถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดยังคงมีเสถียรภาพ โดยรัฐบาลจะ “ดำเนินการอย่างเหมาะสมตามความจำเป็น” อันเป็นผลมาจากการที่เงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 68)





