
น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานหนี้สินครัวเรือน ไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 86.8% ของ GDP หดตัว 0.3% ถือเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 นับตั้งแต่ไตรมาส 1/57 ซึ่งหนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 2/68 มีมูลค่า 16.31 ล้านล้านบาท
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) จากข้อมูลเครดิตบูโร มีมูลค่า 1.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวม 9.11 % เพิ่มขึ้นจาก 8.78 % ของไตรมาสที่ผ่านมา และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนสินเชื่อที่ค้างชำระระหว่าง 1 – 3 เดือน (SMLs) ต่อสินเชื่อรวมปรับลดลงจากมาตรการการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะถัดไปหนี้เสียอาจมีแนวโน้มลดลง
ขณะที่มีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
1.การเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้บ้านก่อนเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี โดยปัจจุบันพบแนวโน้มที่อยู่อาศัยที่ถูกยึดและขายทอดตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเร่งรัดให้มีการไกล่เกลี่ยหนี้ทั้งก่อนหรือหลังการบังคับคดี เพื่อลดผลกระทบต่อการสูญเสียที่อยู่อาศัย
2.การส่งเสริมการเข้าถึงมาตรการสินเชื่อของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดเงื่อนไขการให้สินเชื่อที่ยืดหยุ่น ไม่สร้างภาระในระยะยาว ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์มาตรการให้เกิดการรับรู้ เพื่อให้ครัวเรือนได้รับความช่วยเหลือได้ทัน และลดการต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ
3.การประชาสัมพันธ์และติดตามการดำเนินการของโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” รวมทั้งและหาแนวทางให้ครอบคลุมลูกหนี้กลุ่ม Non-bank เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีสิทธิเข้าถึงการแก้ไขปัญหาอย่างทั่วถึง
สถานการณ์แรงงานในไตรมาส 3/68 ผู้มีงานทำ มีจำนวนทั้งสิ้น 39.9 ล้านคน ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/67) โดยแบ่งเป็น
– แรงงานนอกภาคเกษตรกรรม 28 ล้านคน ขยายตัว 0.6% ซึ่งขยายตัวมากสุดในสาขาการขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่ 4.9% รองลงมาเป็นสาขาการผลิตและสาขาการก่อสร้างลดลง 0.6% และ 5.4 ตามลำดับ
– แรงงานในภาคเกษตรกรรม 11.9 ล้านคน หดตัว 2.9% ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมระดับราคาสินค้า และการเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย
นอกจากนี้ ในภาพรวมของชั่วโมงการทำงานของแรงงานค่อนข้างทรงตัว โดยภาพรวมอยู่ที่ 43.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยภาคเอกชน อยู่ที่ 47.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับผู้ทำงานล่วงเวลา อยู่ที่ 6.4 ล้านคน 6.9%ขณะที่ผู้ทำงานต่ำระดับ อยู่ที่ 1.4 แสนคน ลดลง 25.7%
โดยไตรมาส 3/68 มีผู้ว่างงานประมาณ 3.1 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.76% ลดลงชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1.02% โดยในส่วนของค่าจ้างแรงงาน พบว่า ค่าจ้างแรงงานในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 15,957 บาท/คน/เดือน ลดลง 1.9% แต่ค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยของภาคเอกชน อยู่ที่ 14,705 บาท/คน/เดือน เพิ่มขึ้น 2.4%
ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ ได้แก่
1.การควบคุมระดับราคาสินค้าเพื่อรักษาความสามารถในการใช้จ่ายของแรงงาน ซึ่งต้องกำกับดูแลการตั้งราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น
2.การเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งต้องเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา และควรมีมาตรการฟื้นฟูและสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ สนับสนุนปัจจัยการผลิตใหม่ เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เครื่องมือ เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)





