ZoomIn: จับตาโค้งสุดท้ายแก้ รธน.วาระ 2 “MOA” ค้ำคอ ชี้จุดตาย สว.-เกมวัดใจก่อนยุบสภา

การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินทางมาถึงวาระสำคัญอีกครั้ง เมื่อรัฐสภาเตรียมเปิดประชุมร่วมสมัยวิสามัญ ในวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน วาระ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งและยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่ายหรือไม่

แม้ว่ากระแสความตื่นตัวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะลดลง หลังเกิดกระแสข่าวความวุ่นวายของบ้านเมืองจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ และเหตุขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่กลับมาปะทุอีกรอบ ท่ามกลางเสียงคัดค้านถึงความเหมาะสมที่ฝ่ายการเมืองจะผลักดันในช่วงเวลานี้

 

*นักวิชาการมองราบรื่น: “MOA” คือกุญแจสำคัญ

นักวิชาการด้านการเมือง ประเมินว่าทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่เป็นแกนนำรัฐบาล และพรรคประชาชน (ปชน.) ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้านมีความผูกพันตามบันทึกข้อตกลง (Memorandum Of Agreement : MOA) เมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

“ประชาชนจับตาดูอยู่ ทั้งสองพรรคคงทำตาม MOA ไม่มีใครกล้าบิดพลิ้ว เพราะจะส่งผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึง” นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย กล่าว

สถานการณ์ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพากัน และช่วยกันประคับประคองให้ MOA สำเร็จตามได้ตามเป้าหมาย ต่อเนื่องไปถึงช่วงลงมติวาระ 3 ที่ต้องอาศัยเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง และเสียงของฝ่ายค้าน 20 เสียง ซึ่ง ภท.คุมเสียง สว. ส่วน ปชน.คุมเสียงฝ่ายค้าน

ส่วนข้อกังวลเรื่องที่จะไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 นั้นคงไม่มีปัญหา เพราะทุกพรรคต่างรู้ดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จะได้เนื้อหาครบถ้วนตามความต้องการทั้งหมด

 

*เป้าหมายทางการเมือง: สร้างคะแนนเสียงผ่าน MOA

ทั้ง ปชน.และ ภท. ต่างต้องใช้ประโยชน์จาก MOA เพื่อสร้างฐานเสียงสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงใปีหน้า โดย ปชน.หวังจะได้รับเลือกตั้งเพิ่มเป็น 250 ที่นั่ง ส่วน ภท.ก็หวังจะได้รับเลือกตั้งเพิ่มเป็น 120-130 ที่นั่ง โดยต้องเพิ่มคะแนนเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อจากเดิม 1 ล้านเสียงให้เป็นอย่างต่ำ 5 ล้านเสียง

อย่างไรก็ตาม แม้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 จากรัฐสภาแล้ว ยังต้องรอลุ้นกระบวนการจัดทำประชามติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เช่น การกำหนดเนื้อหาของคำถาม จำนวนคำถาม และหากเวลาล่วงเลยผ่านวันที่ 15 ธ.ค.68 ไปแล้วเกรงว่าจะไม่ทันกรอบเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการไปพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศ

 

*ไทม์ไลน์สำคัญก่อนวาระสอง
  • 15 ต.ค.68 ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ… ของพรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในวาระที่ 1 หลังพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ ปชน., ภท. และพรรคเพื่อไทย (ภท.)
  • 20 ต.ค.68 กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ… รัฐสภา ประชุมนัดแรกเลือกนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธานฯ
  • 25 พ.ย.68 ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมวิสามัญ ในวันที่ 10-11 ธ.ค. 68 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2
  • 26 พ.ย.68 กมธ.พิจารณาฯ ดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ… รัฐสภา เสร็จเรียบร้อย

 

*สาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญวาระ 2

ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ….ซึ่งผ่านการพิจาณาของ กมธ.พิจารณาฯ ที่มีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน ที่ส่งให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาในวาระสอง

โดย กมธ.มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาจากร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการเกือบทุกมาตรา และมีสาระสำคัญ คือ

 

1.กลไกการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

  • คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ:

จำนวน 35 คน มาจากการเลือกของสมาชิกรัฐสภา

ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 360 วัน

คุณสมบัติเข้มงวด: ต้องมีสัญชาติไทย, อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี, การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี มีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับนักวิชาการ, ราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมือง (ครอบคลุมถึงนายกเมืองพัทยา) เพิ่มเติม

เพิ่มคุณสมบัติให้ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับไม่น้อยกว่า 5 ปี และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนไม่น้อยกว่า 5 ปี สามารถสมัครได้

ใช้กลไก “20 หยิบ 1” ในการเลือก: สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มละ 20 คน เสนอ กมธ. ได้ 1 คน จนครบจำนวน 35 คน

  • กมธ. รับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน:

จำนวน 35 คน

ทำหน้าที่รับฟังและรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อเสนอต่อ กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ

คุณสมบัติ: มีสัญชาติไทยโดยการเกิด, อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี (ลดเกณฑ์จากเดิม 20 ปี)

  • การขจัดการมีส่วนได้เสีย: ห้าม กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ. รับฟังความคิดเห็น ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 2 ปี นับจากวันที่พ้นตำแหน่ง

สำหรับการรับสมัครผู้ที่จะมาเข้าคัดเลือกเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความคิดเห็น ใช้กลไกเดียวกันคือ สมัครผ่าน กกต.ด้วยหลักฐานที่กำหนด พร้อมกับวิสัยทัศน์ และรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน กำหนดให้ประชาชนมีส่วนตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครและผู้สนับสนุนด้วย

ส่วนการเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ซึ่งกำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกนั้น กำหนดเวลาให้รัฐสภาทำให้เสร็จภายใน 60 วัน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มๆ ละ 20 คนตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด เพื่อเสนอ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ได้กมธ.ละ 1 คน จนครบจำนวน จากนั้นให้ประกาศรายชื่อในราชกิจจานุเบกษา

ขั้นตอนหลังจากได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นแล้ว กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันครั้งแรกภายใน 15 วัน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และรับฟังความเห็นประชาชน พร้อมกำหนดให้ประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และกำหนดระยะเวลาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 360 วัน ก่อนจะส่งให้รัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็น ให้ข้อเสนอแนะ โดยไม่ลงมติ ภายใน 30 วัน จากนั้นให้ส่งคืน กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้แก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ยังให้โอกาสขยายเวลาพิจารณาได้ 1 ครั้ง ไม่เกิน 30 วัน จากนั้นส่งกลับให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวิธีการออกเสียงให้ใช้การขานชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย แต่หากที่รัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างรัฐธรรรมนูญนั้นตกไป

 

2. กรอบเนื้อหาสำคัญ 10 ประเด็น

กมธ. เสียงข้างมากกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีเนื้อหาครอบคลุมใน 10 ประเด็นสำคัญ อาทิ:

  • รับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้
  • การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
  • คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน
  • วางหลักให้ประชาชนยึดโยงกับสถาบันการเมือง ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล และมีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์
  • วางกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ขจัดทุจริต ประพฤติมิชอบ
  • จำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและดุลยพินิจขององค์กรรัฐ
  • สร้างเสริมความเข้มแข็งหลักนิติธรรม
  • การบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น
  • กระจายอำนาจรัฐให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • วางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ส่วนเนื้อหาที่ กมธ.เพิ่มเติมคือ ข้อกำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาบัญญัติไว้โดยไม่ให้แก้ไขด้วย

อนาคตของการเมืองไทยกำลังจะถูกกำหนดในวันชี้ขาดนี้ ความร่วมมือที่ผูกพันด้วย MOA จะเป็นหลักประกันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญถึงฝั่งฝัน หรือความตื่นตัวที่ลดลงจะสะท้อนถึงเดิมพันที่แท้จริงที่ประชาชนต้องจับตาดูต่อไป?

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ธ.ค. 68)