CryptoShot: DecemBULL หรือ DecemBEAR? หรือจะเตรียมตัวข้ามชอทไปปี 2026 เลย!!

ใกล้จะหมดปี 2025 แล้ว ตลาดคริปโทฯ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ดูทรงซึม ๆ ทั้ง ๆ ที่ทุกปีช่วงนี้ของตลาดมักจะคึกคัก ไม่รู้ว่าตลาดจะปิดปีนี้เขียวหรือแดง งานนี้คงต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยประกอบ!!

DecemBULL หรือ DecemBEAR? หรือจะเตรียมตัวข้ามชอทไปปี 2026 เลย!!

เดินทางกันมาถึงครึ่งเดือนสุดท้ายของปีแล้ว เรามาดูแนวโน้มตลาดกันดีกว่า Market Outlook ประจำเดือนธันวาคม โดย Binance TH Academy บอกว่า ตลาดเดือนธันวาคม ถือว่าเป็นจังหวะที่ทุกคนต่างจับตาว่าจะออก Bull หรือ Bear

ในขณะที่ตลาดได้รับแรงหนุนที่ชัดเจนจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าสู่ดอกเบี้ยขาลง แนวโน้ม Recession แทบจะไม่เกิดขึ้น แต่ M2 กลับเกิด Divergence โดยไหลเข้าสู่ทองคำ เงิน และหุ้นกลุ่ม AI มากกว่า ที่ยิ่งไปกว่านั้น จะเห็นว่า 4-year cycle ได้เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว การลงทุนเข้าถึงเฉพาะโปรเจกต์ที่พื้นฐานแกร่งและมีผู้ใช้งานจริงเท่านั้น

ทั้งนี้ ยังเห็นสัญญาณความระมัดระวังจากนักลงทุน และคาดว่าเดือนธันวาคมตลาดจะปิดเขียวเพื่อสะสมกำลังรอปัจจัยบวกครั้งใหญ่ในปี 2026

ในขณะที่ เมอร์เคิล แคปปิตอล ก็เพิ่งจัดงานสัมมนา “บทสรุปตลาดคริปโทฯปี 2025 และทิศทางสำคัญที่ต้องจับตาในปี 2026” นายภาณุวิชญ์ ไทยานนท์ Senior Investment Consultant มองว่า ตลาดคริปโทฯในปี 2025 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง จากตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไร มาเป็นตลาดที่เติบโตบนพื้นฐานที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งด้านกติกา ผู้เล่น และเทคโนโลยี โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากนักลงทุนสถาบันและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เชื่อมโยงกับตลาดทุน ทำให้ตลาดเริ่มมีเสถียรภาพและให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่าความผันผวนระยะสั้น

โดยเฉพาะ Stablecoin ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยให้การโอนมูลค่าและการทำธุรกรรมข้ามประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นฐานสำคัญต่อการเติบโตของตลาดในระยะยาว

ในส่วนของการลงทุน ปี 2026 มีแนวโน้มเห็นการเติบโตของการ tokenize สินทรัพย์โลกจริง (Real World Assets), การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์ (DePIN), Stablecoin Super Cycle รวมถึง SocialFi และ Creator Economy ที่เปลี่ยนคอนเทนต์และการมีส่วนร่วมให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยตรง พร้อมกับบทบาทของ AI ที่เข้ามาเสริมการทำธุรกรรมและการตัดสินใจบนบล็อกเชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม BinanceTH Acadamy มองว่า “เดือนธันวาคมน่าจะปิดเขียว” นั่นหมายถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด 86,000 ดอลลาร์ และอาจจะยังไม่เห็น New All Time High ในเดือนนี้ ให้มองว่าเป็นการพักฐานเพื่อสะสมกำลังรอปัจจัยบวกใหญ่ในปีหน้า

Content Creator สาย crypto มีเฮ!! เพราะ Youtube จะเปิดให้เลือกรับรายได้เป็นเหรียญคริปโทฯ!!

สมัยก่อนจะทำ content เกี่ยวกับคริปโทฯ แต่ละทีก็โดนแบนตลอด ไม่ว่าจะทั้งจากแพลตฟอร์ม Youtube หรือ Facebook แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะ Youtube กำลังจะเปิดให้ Content Creator หรือคนทำคลิปในสหรัฐ สามารถเลือกรับรายได้ เป็น stablecoin ของ Paypal หรือ PYUSD ได้แล้ว

งานนี้ May Zabaneh หัวหน้าฝ่ายคริปโตของ PayPal ออกมายืนยันกับ “สำนักข่าว Fortune” ว่า ฟีเจอร์นี้ถูกปล่อยใช้งานจริงเป็นที่เรียบร้อย แม้ตอนนี้จะรองรับแค่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ เท่านั้นก็ตาม ในขณะที่ฝั่งโฆษก Google ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ YouTube ก็ยืนยันเช่นกันว่ามีการเพิ่มช่องทางการจ่ายเงินด้วย Stablecoin จริง แต่ยังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมในเชิงลึก

และจากการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงของ Youtube ก็สร้างความตื่นตัวให้กับบริษัทสายเทคหลายแห่ง บวกกับที่ประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐลงนามกฎหมายควบคุมคริปโทฯ ฉบับใหม่ ส่งผลให้การใช้ Stablecoin ถูกมองว่าเป็นการ “อัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานการเงิน” ในอนาคต ที่น่าสนใจคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Google ทดลองใช้งาน PYUSD ก่อนหน้านี้ Google Cloud เคยได้รับชำระเงินจากลูกค้า 2 รายด้วย Stablecoin ของ PayPal มาแล้ว

บางทีการเปลี่ยนแปลงอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดก็ได้

Catch me if you can!! ปัญหา Rugpull ต้องหมดไป สว. สหรัฐ ชงกฎหมายปราบปรามกลโกงบนโลกคริปโท!!

ถือเป็นการร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างสมาชิกวุฒิสภาจากทั้งพรรค Democrat และ Republican เพราะเขากำลังเดินหน้ายกระดับการปราบปรามอาชญากรรมในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งสำคัญ โดยร่วมกันเสนอร่างกฎหมายใหม่ในชื่อ “SAFE Crypto Act” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อจัดการกับปัญหาการฉ้อโกงและแก๊งต้มตุ๋นที่กำลังสร้างความเสียหายมหาศาลแก่นักลงทุน

ใจความสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือการเสนอให้จัดตั้ง “กองกำลังเฉพาะกิจ” ชุดพิเศษขึ้น โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานสำคัญอย่างกระทรวงการคลัง, สำนักงานสอบสวนกลาง และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เพื่อประสานงานในการระบุตัวตน ติดตามเส้นทาง และหยุดยั้งรูปแบบการโกงต่างๆ ในวงการคริปโทฯ อย่างจริงจัง ทั้งการสร้างโปรเจกต์ปลอมหลอกลงทุน หรือการทำ Rug Pull ถอนเงินหนีนักลงทุน

แรงผลักดันสำคัญของกฎหมายนี้ มาจากสถิติความเสียหายที่พุ่งสูงจนน่าตกใจ โดยข้อมูลระบุว่าในปี 2567 เพียงปีเดียว มีรายงานความเสียหายจากการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ในสหรัฐฯ สูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินประมาณ 3.2 แสนล้านบาท) โดยกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป ตกเป็นเหยื่อหนักที่สุด แบกรับความเสียหายไปกว่า 2.84 พันล้านดอลลาร์จากยอดรวมทั้งหมด

ด้านปฏิกิริยาจากชุมชนคริปโทฯ ส่วนใหญ่ให้การตอบรับในเชิงระมัดระวังแต่มีความหวัง โดยมองว่าการมีมาตรการปราบปรามมิจฉาชีพอย่างจริงจังจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาว แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องให้ทีมงานชุดใหม่นี้รักษาสมดุลในการปฏิบัติงาน โดยมุ่งเน้นจัดการกับอาชญากรตัวจริง ไม่ใช่การออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปจนไปขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมของผู้สร้างสรรค์โครงการที่สุจริต หรือทำให้โครงการดี ๆ ไม่สามารถเติบโตได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 68)