
ในเดือนธ.ค.68 นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงมา 0.25% มาที่ 3.75% และในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน
“ดอกเบี้ยขาลงเป็นช่วงเวลาแห่งการลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งไทยและต่างประเทศก็มีจังหวะที่ดีทั้งคู่” นายณัฐพล จันทร์สิวานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวกับ”อินโฟเควสท์”
นายณัฐพล กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดรอบนี้ จุดที่โฟกัสคือการปรับประมาณการเงินเฟ้อและ GDP ของสหรัฐ โดยปรับประมาณการ GDP ขึ้น แต่ปรับเงินเฟ้อลง ด้วยการปรับแบบนี้จะเห็นได้ว่าเทรนด์ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี หรืออายุที่ยาวขึ้น อาจจะไม่ได้ลงมาตามการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
จากมุมมองของเรา มองว่า พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ผลตอบแทนอาจจะอยู่ที่ประมาณ 4% หรือเหนือ 4% ในช่วงนี้ จนกว่าจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่
นอกจากนี้ Dot Plot คาดว่าปีหน้าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง แต่ตลาดคาดว่าจะลด 2-3 ครั้ง ส่วนมุมมองเราเห็นว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ดังนั้น ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นน่าจะปรับตัวลงต่อเนื่อง และอาจจะมากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot
เหตุผลที่คาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนตัวประธานเฟด ซึ่งคนใหม่จะมาจากแคนดิเดต 2 ราย ต่างก็เป็นสาย Dovish ที่ชอบการลดดอกเบี้ยมากกว่าการขึ้นดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ย และจากการปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อจนไม่ได้เป็นอุปสรรคแล้วก็เปิดทางให้เฟดสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้
ส่วนทิศทางดอกเบี้ยไทย เป็นขาลงเหมือนในต่างประเทศ แต่แตกต่างตรงที่เศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลง ล่าสุด GDP ของไทยบวก 1% กว่าเท่านั้น และในไตรมาส 4/68 อาจจะอยู่ต่ำกว่า 0.6% จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะน้ำท่วมภาคใต้ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อก็ติดลบ ดังนั้น เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะฝืดเคืองพอสมควร
ด้วยปัจจัยเหล่านี้เราคาดว่า ธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า 1 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลงมาที่ 0.75%
สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศ ในมุมมองของเรา ด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด เชื่อว่าอัตราผลตอบแทน (Yield) จะปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายกับกองทุนมีน้อย จึงสามารถลงทุนสะสมได้เลย เพราะ Yield ค่อนข้างสูง โดยกองทุน UGIS ของ UOBAM ก็ให้ผลตอบแทนมากกว่า6% บน duration 5-6 ปี แต่อยากให้เลือกกองทุนที่ Heding อัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก
ส่วนตราสารหนี้ไทย เรามองเป็นช่วงเวลาแล้วที่จะเข้าไปลงทุน ภาพค่อนข้างชัดว่าเศรษฐกิจไทยต้องการดอกเบี้ยต่ำเพื่อการฟื้นตัว จึงแนะนำไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือซื้อตราสารหนี้โดยตรง อย่างไรก็ดี การลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวังเพราะภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่หากลงทุนหุ้นกู้เองก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงของแต่ละบริษัทด้วย
นอกจากนี้ สภาพคล่องในระบบมีอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเงินฝากโตขึ้น แต่ธนาคารกลับระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เงินอาจจะโยกไปพันธบัตรเพิ่มขึ้นได้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มลงทุนตราสารหนี้ได้
อย่างไรก็ดี การลงทุนตราสารหนี้ ต้องไม่เพียงแต่คำนึงถึงผลตอบแทน หรือ คูปองหน้าตั๋วเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาคุณภาพตราสาร อายุตราสารควบคู่ไปด้วย อีกทั้งต้องรู้จักตัวเองว่าต้องการสภาพคล่องมากน้อยเพียงใดเพื่อ match กับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของเรา
https://youtu.be/HrTT_hiRF3Q
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)




