ดาวโจนส์ปิดบวก 37.57 จุด ข้อมูลศก.หนุนคาดเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (30 ส.ค.) หลังจากข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,890.24 จุด เพิ่มขึ้น 37.57 จุด หรือ +0.11%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,514.87 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด หรือ +0.38% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,019.31 จุด เพิ่มขึ้น 75.55 จุด หรือ +0.54%

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 177,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าในเดือนก.ค.ซึ่งตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 371,000 ตำแหน่ง โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2566 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% หลังจากมีการขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 1/2566

รอบ ฮาเวิร์ธ นักวิเคราะห์จากบริษัท U.S. Bank Wealth Management กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแรงลงช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ มุมมองบวกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อหุ้นเติบโต (Growth Stocks) และสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ

ขณะที่ โซนู วาร์เกส นักวิเคราะห์จากบริษัท Carson Group กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดได้กลับสู่สภาวะการลงทุนแบบ “ข่าวร้ายคือข่าวดี” ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของเฟด โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาจะสกัดช่วงขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจก่อนหน้านี้ที่ระดับ 86% นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 54% ที่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจก่อนหน้านี้ที่ระดับ 52%

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.83% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.51%

หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.9% หลังบริษัทประกาศจัดอีเวนต์โดยใช้ชื่อว่า “Wonderlust” ที่ Steve Jobs Theater เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนียในวันอังคารที่ 12 ก.ย. เวลา 13.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงคืนตามเวลาไทย โดยคาดว่าแอปเปิ้ลจะเปิดตัว iPhone 15 ในอีเวนต์นี้

หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 1% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นอินวิเดียมีมูลค่าการซื้อขาย 3.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ

หุ้นมาสเตอร์การ์ด และหุ้นวีซ่า ต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 0.5% หลังมีรายงานว่าทั้งสองบริษัทเตรียมปรับขึ้นค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

หุ้นเอชพี (HP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ร่วงลง 6.6% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ต่ำกว่าคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2566 เนื่องจากผลกระทบของเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาลง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 3.5%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top