
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (30 มิ.ย.) หลังจากความเสี่ยงด้านอุปทานในตะวันออกกลางลดน้อยลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนส.ค.
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 65.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 67.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบรนท์และน้ำมัน WTI ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 แต่เมื่อพิจารณาตลอดเดือนมิ.ย. ราคาน้ำมันเบรนท์และน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นราว 6% และ 7% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่สอง
ราคาน้ำมันปิดตลาดปรับตัวลงในวันจันทร์ หลังจากความเสี่ยงด้านอุปทานในตะวันออกกลางลดน้อยลง ภายหลังจากอิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยก่อนหน้านี้สงคราม 12 วันที่เริ่มต้นขึ้นเมื่ออิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในวันที่ 13 มิ.ย.ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงกว่าระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.47 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 13.45 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนส.ค.จำนวน 411,000 บาร์เรล/วันในการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 6 ก.ค. หลังจากที่มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในปริมาณดังกล่าวในเดือนพ.ค., มิ.ย. และก.ค.
ทั้งนี้ หากที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต ก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันโดยรวมจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้น 1.78 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 1.5% ของอุปสงค์น้ำมันโดยรวมทั่วโลก
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการในวันพุธ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 68)