
ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ประกาศแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 3/2568 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีของภาคธนาคาร โดยระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้ง 22 แห่งสามารถผ่านการทดสอบดังกล่าว ซึ่งจะเปิดทางให้ธนาคารสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น และดำเนินการซื้อหุ้นคืน
เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ในวันอังคาร (1 ก.ค.) ว่า ธนาคารจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 3 เป็น 1.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น จาก 1.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนยังประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งใหม่มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผลตั้งแต่วันอังคาร
ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อ SEC เช่นกันว่า ธนาคารจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 8% เป็น 28 เซนต์ต่อหุ้น, เวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) ระบุว่าจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 45 เซนต์ต่อหุ้น จาก 40 เซนต์ต่อหุ้น, โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 4 ดอลลาร์ต่อหุ้น จาก 3 ดอลลาร์ต่อหุ้น และซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 60 เซนต์ต่อหุ้น จาก 56 เซนต์ต่อหุ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นครั้งใหม่มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีแผนที่จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็น 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น
เฟดระบุในผลการทดสอบ Stress Test ประจำปีว่า ธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 22 แห่งของสหรัฐฯ สามารถผ่านการทดสอบดังกล่าว เนื่องจากธนาคารเหล่านี้สามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย การว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น และความปั่นป่วนของตลาดการเงิน
สำหรับการทดสอบ Stress Test ของภาคธนาคารในปี 2568 เฟดมุ่งเน้นไปที่การทดสอบผลกระทบของธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และเพื่อการอยู่อาศัย นอกจากนี้ การทดสอบยังครอบคลุมถึงองค์ประกอบเพิ่มเติมที่จะใช้ในการทดสอบวิกฤตการณ์ในธุรกิจนอกภาคธนาคาร รวมทั้งผลกระทบของวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่จำนวนมากที่จะมีต่อสถานะการเงินของธนาคารรายใหญ่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 68)