ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดท่องเที่ยว 9 วันช่วงเทศกาลปีใหม่ เม็ดเงินสะพัด 8.2 หมื่นลบ.

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองบรรยากาศท่องเที่ยวโดยเฉพาะในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่คึกคักเท่าปีก่อนด้วยปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ความผันผวนของค่าเงิน รวมถึงการที่นักท่องเที่ยวมีจุดหมายปลายทางใหม่ๆ เป็นทางเลือก
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2562 ถึง 5 ม.ค 2563 จะมีมูลค่าประมาณ 82,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% (YoY) ชะลอลงจากที่เติบโตประมาณ 7.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในช่วง 9 วัน (ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2562 ถึง 5 ม.ค. 2563) น่าจะสร้างรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวเป็นมูลค่าประมาณ 82,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ชะลอลงจากที่เติบโตประมาณ 7.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศในช่วง 9 วัน ของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2562 ถึง 5 ม.ค 2563 (ในปีนี้ทางรัฐบาลได้ประกาศวันหยุดราชการ วันที่ 30 ม.ค.2562 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน ซึ่งหน่วยงานเอกชนบางแห่งอาจจะมีการหยุดเพิ่มเติมเช่นกัน ซึ่งน่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการเดินทางท่องเที่ยว) น่าจะสร้างรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวเป็นมูลค่าประมาณ 28,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ยังคงเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ และจากรายงานของธุรกิจจองที่พักออนไลน์ (OTAs: Online Travel Agency) 1 พบว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ เชียงใหม่ พัทยา และกรุงเทพฯ

เทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวหลากหลายวัตถุประสงค์ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางกลับบ้านและมีการท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนท่องเที่ยวในช่วงนี้ทั้งพัก-ค้างและไปแบบเช้าเย็นกลับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า บรรยากาศการเดินของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงนี้อาจจะแผ่วลงกว่าทุกปี โดยเฉพาะในด้านของการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่เอื้อ อย่างไรก็ดี ตลาดยังพอมีปัจจัยบวกอย่างมาตรการชิมช้อปใช้สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิไปแล้ว โดยผู้ที่ลงทะเบียนสามารถนำค่าใช้จ่ายจริงจากการเดินทางท่องเที่ยว อาทิ

ค่าใช้จ่ายแพ็คเกจท่องเที่ยว ที่พัก ค่าเดินทาง ตั๋วโดยสารเครื่องบินภายในประเทศ และการใช้จ่ายซื้อสินค้ามาขอคืนเงินได้อีก 15% ของค่าใช้จ่ายวงเงิน 30,000 บาทแรก และขอคืนเงินได้อีก 20% ของค่าใช้จ่ายวงเงิน 30,000-50,000 บาท รวมคืนเงินสูงสุด 8,500 บาทโดยภาครัฐได้ขยายเวลาสิ้นสุดไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 (สำหรับผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 1 เฟส 2 และเฟส 3)

ด้านสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังให้ความสนใจในการเลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยในช่วงนี้ ด้วยประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อันดับต้นของโลก อีกทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจัดกิจกรรมนับถอยหลังเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี แม้จะมองว่านักท่องเที่ยวโดยภาพรวมจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแต่เป็นการเพิ่มขึ้นเฉพาะบางประเทศ โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงนี้มากเป็นพิเศษจะเป็นนักท่องเที่ยวระยะใกล้จากภูมิภาคเอเชีย อาทิ นักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักในช่วงนี้ ในภาพรวมน่าจะยังหดตัว ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ซึ่งผู้ประกอบการนำเที่ยวรัสเซียได้มีการเพิ่มเที่ยวบินมาประเทศไทยในช่วงฤดูหนาวมากกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วง 9 วันของเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2562 ถึง 5 ม.ค. 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อาจมีทิศทางที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย นอกจากนี้ยังเป็นการเปรียบเทียบกับฐานของตลาดที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าการใช้จ่ายจะมีมูลค่าประมาณ 54,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าธุรกิจท่องเที่ยวยังต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว เทคโนโลยีที่มีบทบาทในธุรกิจมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะแวดล้อมของภูมิอากาศ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทำให้การวางแผนด้านธุรกิจคงจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การตลาดด้านราคาที่อาจจะมีความเข้มข้นขึ้นในการที่จะแย่งชิงฐานลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการคงจะต้องมีการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนที่รอบคอบขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 62)

Back to Top