WHA โชว์ฟอร์ม 1H68 รายได้-กำไรพุ่ง ส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง ลุ้น All-Time High ปีที่ 4

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] เปิดเผย ผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% (YoY) และกำไรสุทธิ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% (YoY) โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% (YoY) และกำไรปกติ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% (YoY)

เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นของ 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ – ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม – ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) และไฟฟ้า – ธุรกิจดิจิทัล – ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับอานิสงส์จากการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้ต่อเนื่อง ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เติบโตตามพื้นที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART มูลค่ารวม 808 ล้านบาท ทั้งนี้ WHA Group ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE” ซึ่งสอดรับกับความมั่นคงและความยั่งยืนของประเทศ

ธุรกิจโลจิสติกส์ : เติบโตโดดเด่น โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,163,552 ตร.ม. โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ สำหรับไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 ทั้งสิ้น 556 ล้านบาท และ 1,048 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นผลจากการตอบรับที่ดี จากลูกค้าชั้นนำจากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้สามารถลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่ม รวม 123,237 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 2,153 ล้านบาท และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 46,540 ตร.ม. และยังได้รับการคัดเลือก (Award) จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูง พื้นที่รวม 32,000 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าสัญญากว่า 1,300 ล้านบาท

บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพในประเทศไทย พื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนา – ตราด กม. 23 Inbound ขณะเดียวกัน ศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศเวียดนาม พื้นที่ 37,500 ตร.ม. ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ล่าสุดมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจและทยอยลงนามเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง MOU กับรัฐบาลท้องถิ่น จังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่

“ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART พื้นที่รวม 32,524 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเป้าหมายทั้งปี ในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ พื้นที่ราว 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท”

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม : ครึ่งปีแรก 2568 มียอดขายที่ดินรวม จำนวน 1,105 ไร่ โดยสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 รวม 1,276 ล้านบาท และ 4,857 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสาเหตุที่รายได้และส่วนแบ่งกำไรครึ่งปีแรก 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากราคาขายที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับยอดโอนที่ดินรวมในครึ่งปีแรกที่ยังอยู่ในระดับสูง ตามภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) และการขยายธุรกิจ (Business Expansion) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการส่งเสริมการลงทุนครึ่งแรกปี 2568 ของไทยที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/68 มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้า 1,467 ไร่ และยอด Outstanding LOI/ MOU ที่อยู่ในระดับสูง จำนวน 1,427 ไร่ สะท้อนถึงความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง

“ไตรมาส 2/68 บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัท Beijing Haoyang เพื่อสร้าง Data Center ระดับไฮเปอร์สเกล มูลค่า 72,670 ล้านบาท ซึ่งเป็นสเกลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของไทยในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์อีกหลายรายที่อยู่ระหว่างเจรจา”

ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อซื้อที่ดิน อาทิ บริษัทอิเล็กทรอนิคและเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นที่รวม 530 ไร่ และบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ ที่มีแผนซื้อที่ดิน กว่า 470 ไร่ เพื่อตั้งฐานการผลิตในไทย โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้า ภายในครึ่งปีหลังปี 2568 นี้

ปัจจุบัน WHA Group มีทั้งหมด 16 นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเวียดนาม และมีพื้นที่นิคมฯ ในประเทศไทย ที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนา รวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,900 ไร่ โดยโครงการล่าสุด ได้แก่ WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 เฟส 1 และ 2 พื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งเป็นนิคมภายใต้แนวคิด “Smart Eco Industrial Estate” ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาโครงการ และคาดว่าที่ดินแปลงแรก พร้อมโอนให้แก่ลูกค้าได้ภายในไตรมาส 1/69 นี้

ส่วนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม บริษัทมีนิคมฯ ที่พัฒนาแล้ว พื้นที่ 3,125 ไร่ (500 เฮกตาร์) ได้แก่ WHA Industrial Zone 1 – Nghe An ที่จังหวัดเหงะอาน (Nghe An) และอีก 3 โครงการมีแผนการดำเนินการก่อสร้างในช่วงปี 2568 – 2569 พื้นที่รวม 3,353 ไร่ (537 เฮกตาร์) และยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hóa), จังหวัดดานัง (Da Nang) และจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย

ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) : ครึ่งปีแรก 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจสาธารณูปโภครวม โดยในไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 824 ล้านบาท และ 1,572 ล้านบาท ตามลำดับ จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 80.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ โดยเป็นยอดจำหน่ายน้ำภายในประเทศ ในไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 30.8 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 61.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จากปริมาณยอดขายน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีที่ลดลง ขณะที่ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) มีการเติบโตโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% (YoY) เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของลูกค้าใหม่ โดยในไตรมาส 2/68 บริษัทรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขอใช้น้ำเกินกว่าที่จัดสรร (One-time Charge) จำนวน 84 ล้านบาท จากลูกค้าที่มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมาก

ด้านประเทศเวียดนาม บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

ธุรกิจไฟฟ้า : ในไตรมาส 2/68 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 123 ล้านบาท และ 254 ล้านบาท ตามลำดับ และมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเท่ากับ 162 ล้านบาท และ 338 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในไตรมาส 2/68 ปี 2568 มีการเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 13 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 11 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม จำนวน 315 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 991 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 706 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 178 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 285 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

“ครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 98 กิกะวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 18% (Y-Y) และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 จำนวนกว่า 100 เมกะวัตต์ และยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ ดับบลิวเอชเอทั้งในและต่างประเทศ

ธุรกิจดิจิทัล : ผลักดันสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมและการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ Mobilix Software Solution แพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจโมบิลิตี้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด และยังได้เปิดให้บริการ WHASApp แอปพลิเคชันที่ปฏิวัติการสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA อย่างมีประสิทธิภาพ โดยล่าสุดได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ CO2ZERO สำหรับการบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ที่พร้อมรายงานแสดงผลตามมาตรฐาน ส่งผลให้ในปัจจุบัน WHASApp มีผู้ใช้งานกว่า 1,500 ราย และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย อย่าง Artificial Intelligence (AI), Internet-of-Thing (IoT) ทำให้ปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาถึง 12 โครงการ อาทิ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar เป็นต้น

ธุรกิจโมบิลิตี้ : มุ่งขยายธุรกิจโมบิลิตี้ Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ให้ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/68 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 372 คัน

จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ WHA Group สะท้อนถึงความสำเร็จผ่านการการันตีโดยรางวัล อาทิ รางวัล S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับความยั่งยืนของ S&P Global หรือ Top 1% S&P Global CSA Score ปี 2567 เป็นปีแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Management & Development) และยังได้รับการคัดเลือกเข้าอยู่ในทำเนียบหุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากสถาบันไทยพัฒน์ ขณะที่บริษัทในเครืออย่าง WHAUP ติดโผหุ้น ESG 100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และกองทรัสต์ WHAIR ติดโผหุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ส่วนกองทรัสต์ WHART ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ หุ้น ESG 100 ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7

WHA Group ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Top 50 บริษัทจดทะเบียนอาเซียน (Top 50 ASEAN Public Listed Companies) จากเวทีการประเมิน ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) ประจำปี 2567 เป็นครั้งแรก ตอกย้ำการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการสู่ระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” ได้รับรางวัล “Thailand Top CEO of The Year 2025” ในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรของประเทศไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 68)