ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นนักท่องเที่ยวจีนรายที่ 2 อาการดีขึ้นแล้ว

สาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยนักท่องเที่ยวจีนติดเชื้อโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายที่ 2 อาการดีขึ้น รอผลแล็บยืนยันว่าไม่พบเชื้อไวรัสแล้วจะปล่อยกลับบ้าน

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้ทำการตรวจคัดกรองผู้เดินทางที่สนามบินเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยยืนยันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2019 เพิ่ม 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 74 ปี ขณะนี้รับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร อยู่ในการดูแลของแพทย์ อาการทางคลินิกดีขึ้น ซึ่งหากผลตรวจจากห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อไวรัส แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ นับเป็นรายที่สองของประเทศไทย ซึ่งทั้งสองรายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรคตามระบบมาตรฐานที่ใช้สำหรับโรคติดต่ออุบัติใหม่ โดยได้คัดกรองผู้โดยสารที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ณ ท่าอากาศยาน 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 3 – 16 มกราคม 2563 รวม 86 เที่ยวบิน ผู้โดยสารและลูกเรือได้รับการตรวจคัดกรองทั้งสิ้น 13,624 ราย พบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าเกณฑ์การสอบสวน 21 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ได้รับการรักษาหายดีและกลับบ้านแล้ว 12 ราย มีผู้ป่วยที่เป็นปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2 รายยังรักษาอยู่ในห้องแยกโรคความดันลบ สถาบันบำราศนราดูร

โดยผู้ป่วยยืนยันรายแรก อาการดีขึ้นมากแล้วไม่มีไข้ รอการตรวจยืนยันซ้ำว่าไม่พบเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่ติดต่อ แพทย์จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ เช่นเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาและติดตามอาการจนกว่าจะหายดี และตรวจซ้ำว่าไม่พบเชื้อไวรัสแล้วจึงจะให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ จากการติดตามตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด ผู้ป่วยรายแรก จำนวน 16 คน และผู้สัมผัสใกล้ชิดรายที่ 2 จำนวน 20 คน ไม่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกในประเทศไทยยังไม่มีการระบาดแต่อย่างใด

นพ. สุขุม กล่าวยืนยันในความพร้อมด้านสาธารณสุข ทั้งมาตรการเฝ้าระวังและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดทั้ง 4 ด้าน ดังนี้ 1.ความสามารถในการเฝ้าระวังโรค คัดกรองและคัดแยกผู้ป่วย โดยมีการคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินในเส้นทางที่บินตรงมาจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน 2.การวินิจฉัย การดูแลรักษา ผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์การสอบสวน 3.ส่งต่อผู้ป่วยที่เข้าข่าย เข้ารับการสังเกตอาการในห้องแยกความดันลบ (Negative Pressure Room) ทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน และ 4.การเฝ้าระวังในชุมชนแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ

ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามเดินทางไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงขอให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ ตลาดค้าสัตว์หรือสินค้าจากสัตว์ หรืออยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและเริ่มมีอาการป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนมีส่วนสำคัญในการร่วมมือป้องกันโรคกับหน่วยงานรัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 63)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tags: , , ,
Back to Top