JAS ขาดทุน 414 ลบ.ใน Q2/63 หลังรับรู้ค่าเสื่อม-ดอกเบี้ยจ่ายสูง

บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 414 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิลดลง เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 990 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,221 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานที่ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทฯ มีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม (JASIF) จำนวน 1,732 ล้านบาท นอกจากนั้นในไตรมาส 1 และ 2 ปี 2563 บริษัทย่อยมีการบันทึกค่าเช่า OFC (20% ตามสัญญาประกันรายได้) ที่เพิ่มขึ้นจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน 2562

และการบันทึกตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ในส่วนสัญญาเช่าหลัก (80% ของ OFC) ทำให้ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่บันทึกในงบกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับการบันทึกบัญชีตามแบบเดิม)

โดย EBITDA ในไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 3,019 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562 และ ไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่ง EBITDA อยู่ที่ 1,950 ล้านบาท และ 3,094 ล้านบาท ตามลำดับ

แต่จากการเริ่มบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ในปี 2563 ส่งผลให้ต้องบันทึกหนี้สินตามสัญญาเช่าและสินทรัพย์สิทธิการใช้สำหรับสัญญาเช่าดำเนินงาน โดยในแต่ละงวดจะรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคาในงบกำไรขาดทุน (จากเดิมค่าเช่าตามสัญญาเช่าดำเนินงานจะถูกบันทึกเป็นต้นทุนขายและบริการหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) ในส่วนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย

ผลกระทบต่องบการเงินจากการนำมาตรฐานฉบับดังกล่าวมาถือปฏิบัตินั้น หลักๆ จะเป็นในส่วนของสัญญาเช่าหลัก (ร้อยละ 80 ของ OFC) ที่บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ทำกับ JASIF ในไตรมาส 2 ปี 2563 TTTBB บันทึกค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายในงบกำไรขาดทุนรวมประมาณ 2,175 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมราคา-สินทรัพย์สิทธิการใช้ จำนวนประมาณ 1,245 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย จำนวนประมาณ 930 ล้านบาท (ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 6 เดือนของปี 2563 รวมประมาณ 4,308 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมราคา-สินทรัพย์สิทธิการใช้ จำนวนประมาณ 2,456 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย จำนวนประมาณ 1,852 ล้านบาท) จากเดิมจะบันทึกเป็นค่าเช่า OFC ในต้นทุนขายและบริการ จำนวนประมาณ 1,760 ล้านบาทต่อไตรมาส ในส่วนของสัญญาประกันรายได้ (ร้อยละ 20 ของ OFC) การบันทึกรายการยังคงเหมือนเดิม

ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2563 จำนวน 4,833 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562 ซึ่งรายได้รวมจากการดำเนินงานอยู่ที่ 4,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งรายได้รวมจากการดำเนินงานอยู่ที่ 4,766 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1

รายได้ส่วนใหญ่มาจากบมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) หรือ 3BB ในไตรมาส 2 ปี 2563 ลูกค้าที่ใช้บริการของ 3BB เพิ่มขึ้นสุทธิ (Net Additional Subscriber) จำนวน 111,733 ราย ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 3BB อยู่ที่ 3.35 ล้านราย

ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ประมาณ 2.22 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ร้อยละ 66 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 63 ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 จากการออกแพ็คเกจ GigaFiber ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทำให้สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ของ 3BB ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ที่ 175,609 ราย เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งจำนวนลูกค้า FTTx เพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ที่ 145,667 ราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top