NFC ลงทุน 4.4 พันลบ.ให้บริการลานรื้อ-แยก-ประกอบแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในนิคมมาบตาพุด

บมจ.เอ็นเอฟซี (NFC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท เอ็นเอฟซี ดับบลิว จำกัด (NFCW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่รองรับการให้บริการผู้ประกอบการประกอบโครงสร้างและระบบท่อ (Steel Fabrication and Modularization) และผู้ประกอบการรื้อ/ตัดแยกชิ้นส่วนท่อลำเลียง โครงสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน (De-Commissioning) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งมีมูลค่าโครงการลงทุนฯ 4,415.72 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งให้ บล.ไอวี โกลบอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นต่อการทำรายการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว

NFCW จะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมสำหรับพื้นที่โครงการฯ จำนวนประมาณ 234.72 ไร่ กำหนดระยะเวลาการเช่า 30 ปีและขยายระยะเวลาการเช่าได้อีก 20 ปีจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อลงทุนฯให้บริการกับผู้ประกอบกิจการแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ซึ่งต้องมีการรื้อถอนแท่นขุดเจาะ (De-Commissioning) ที่หมดอายุการใช้งานแล้วมาบริหารจัดการอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนการบริหารจัดการก่อนการลงทุนในโครงการลงทุนฯ มีดังนี้

(1) บริษัทฯ ยกเลิกสิทธิการเช่าและคืนพื้นที่สนับสนุนการใช้ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (MIT) ให้กับ กนอ.จำนวนรวมประมาณ 252.17 ไร่ (จากพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 596.33 ไร่) ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวในปัจจุบันไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ และไม่มีการดำเนินธุรกิจใดๆ

(2) จากนั้น NFCW จะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินกับ กนอ.ระยะเวลาการเช่า 30 ปีและมีเงื่อนไขให้ขยายระยะเวลาการเช่าได้อีก 20 ปีเพื่อประกอบธุรกิจให้บริการลานประกอบและติดตั้ง ลานรื้อ/ตัดแยก ชิ้นส่วนโครงสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน จำนวนพื้นที่รวมประมาณ 234.72 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่เช่าเดิมของบริษัท 180.40 ไร่ และพื้นที่เช่าเพิ่ม จำนวนประมาณ 54.32 ไร่ คาดว่า NFCW จะสามารถลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับ กนอ.ได้ภายในไตรมาส 4/63

การเข้าทำรายการดังกล่าว บริษัทฯจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ และ/หรือ จะจัดหาแหล่งเงินทุนต่างๆ ตามความจำเป็ นและเหมาะสม เช่น การจัดหาเงินกู้จากสถาบันการเงิน เป็นต้น ซึ่งโครงการฯ ของ NFCW มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,415.72 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่จำนวน 100.72 ล้านบาท เงินประกันสัญญาจำนวน 96.83ล้านบาท

โดย NFCW คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน 100 ล้านบาท และค่าเช่าที่ดินตลอดอายุโครงการจำนวน 30 ปีแรกจำนวนประมาณ 4,212.42ล้านบาท NFCW จะจ่ายชำระจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าการเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่รองรับการให้บริการผู้ประกอบการประกอบโครงสร้างและระบบท่อ (Steel Fabrication and Modularization) และผู้ประกอบการรื้อ/ตัดแยกชิ้นส่วนท่อลำเลียง โครงสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน (De-Commissioning)จะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ ดังนี้

(1) เป็นการใช้ประโยชน์บนทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อให้บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงมีอัตราผลตอบแทนในระยะยาวที่คุ้มค่า

(2) เพิ่มโอกาสในการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ท่าเทียบเรือ โดยการเจรจาขอทำสัญญาเช่าฉบับใหม่กับ กนอ. จะทำให้ NFCW ได้ใช้ที่ดินบริเวณหลังท่าเทียบเรือเป็ นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งมีระยะเวลาการใช้ประโยชน์บนพื้นที่มากกว่าสัญญาเช่าเดิมที่จะหมดอายุในปี 65

และ (3) เป็นโครงการที่จะสามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้กับบริษัทฯ และ NFCW เนื่องจากพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท อยู่ใกล้กับแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมประมาณ 500 แท่นที่จะทยอยหมดอายุสัมปทานลงในช่วงระยะเวลา 20 ปี ถัดจากนี้ไป ซึ่งต้องดำเนินการทยอยรื้อถอน (De-Commissioning) โดยเฉลี่ยปีละ 20-25 แท่น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top