หุ้นไทยปิดพุ่ง 17.85 จุด ขานรับสหรัฐใช้พลาสมารักษาผู้ป่วยโควิด

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,317.11 จุด เพิ่มขึ้น 17.85 จุด (+1.37%) มูลค่าการซื้อขาย 57,078.23 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,318.20 จุด และทำระดับต่ำสุด 1,299.05 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 922 หลักทรัพย์ ลดลง 621 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 372 หลักทรัพย์

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นแรงเฉลี่ย +2% และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็บวกเร่งตัวขึ้นถึงกว่า 200 จุดในช่วงบ่ายนี้ น่าจะรับผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่คาดหวังจะดีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯจะใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทำให้กระตุก Sentiment ตลาดฯเพิ่มขึ้น และในช่วงปลายสัปดาห์นี้ก็ให้ติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็คสัน โฮล วันที่ 27-28 ส.ค.นี้ ซึ่งให้จับตาดูประธานเฟดจะส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง

นอกจากนี้ บ่ายนี้ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สก็ขยับขึ้นมาจากประเด็นพายุเฮอริเคน ทำให้เป็นแรงหนุนหุ้นในลุ่มพลังงานให้ขยับขึ้นได้ รวมไปถึงดัชนี SET สามารถยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ทำให้ Sentiment ดีขึ้นด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้อีก โดยมีแนวรับ 1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330 จุด โดยให้ติดตามทิศทางเงินบาท ซึ่งปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าก็จะเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นในกลุ่มส่งออก และอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี ตลาดฯจะมี upside จำกัดจากปัจจัยการเมืองในประเทศ

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
MINT มูลค่าการซื้อขาย 3,726.03 ล้านบาท ปิดที่ 21.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,365.99 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
STGT มูลค่าการซื้อขาย 3,099.72 ล้านบาท ปิดที่ 75.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,251.39 ล้านบาท ปิดที่ 83.25 บาท ลดลง 2.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,474.59 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top