GUNKUL ขายโซลาร์ฟาร์ม Utsunomiya ในญี่ปุ่น 69.83 MW มูลค่า 1.68 พันลบ.

บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 พ.ย.62 มีมติอนุมัติการมอบอำนาจให้กับบริษัทฯ ขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Utsunomiya ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตของโครงการฯ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 66.78 เมกะวัตต์ และตามการติดตั้ง 69.83 เมกะวัตต์ ดำเนินการการขายเงินลงทุน 100% ของ GD Solar Utsunomiya Godo Kaisha(GD Solar)

ที่ถือโดย (ก) Future Asset Management KK (FAM) (บริษัทย่อยที่ GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 100%) (ข) Gunkul International (Mauritius) (GIM) (บริษัทย่อยที่ GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 100%) ด้วยมูลค่าการขายโครงการฯ จำนวน 5,964,930,000 เยน หรือคิดเป็น 1,679,921,130.69 บาท

คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาถึงโครงการดังกล่าว เห็นว่าโครงการดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงการเกือบ 3 ปี ถึงจะจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ ประกอบกับมีผู้เสนอเข้าลงทุนและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่บริษัทฯ จะต้องพัฒนาโครงการ และอาจมีความเสี่ยงจากความล่าช้าในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ ดังนั้น จึงเห็นควรอนุมัติจำหน่ายโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจะบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนมูลค่าประมาณ 715 ล้านบาทสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63 ขณะที่บริษัทมีสภาพคล่องและความสามารถในการก่อหนี้เพื่อใช้สำหรับการหมุนเวียนและการลงทุนใหม่ และส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการจัดหาโครงการใหม่ด้านพลังงานทดแทนและอื่นๆ เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ GUNKUL กล่าวว่า การจำหน่ายเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวว่า ส่งผลให้บริษัทมีกำไรพิเศษเข้ามา ซึ่งจะทำให้มีสภาพคล่อง และมีความสามารถในการก่อหนี้ เพื่อใช้สำหรับเป็นเงินลงทุนในโครงการใหม่ และสร้างผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและบริษัท โดยพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนในรูปมูลค่า ปัจจุบันของกระแสเงินสุทธิในอนาคต จากการถือครองตลอดอายุโครงการเปรียบเทียบมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่ได้รับจากการจัดจำหน่าย บวกกับผลตอบแทนของการเข้าลงทุนในโครงการด้านอื่น ๆ ตามที่บริษัทคาดการณ์ ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้สูงกว่า

ทั้งนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการลงทุนด้านพลังงานทดแทนไปยังต่างประเทศโดยอยู่ในระหว่างการเจรจา เข้าลงทุน 2-3 โครงการ และคาดว่าจะสามารถยุติข้อตกลงในการเข้าทำรายการได้ภายในไตรมาส 4/63 อย่างน้อย 1 โครงการ โดยบริษัทยังคงมีเป้าหมายในการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ในประเทศมาเลเซีย ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwakuni ในประเทศญี่ปุ่น ขนาด 75 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งยังคงเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างระบบไฟฟ้าภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยมีความเติบโตสูงขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจของบริษัท ประกอบกับบริษัท มีมูลค่างานก่อสร้างที่ได้รับไว้แล้วกว่า 8,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 63 และปี 64 ซึ่งจะเป็นหลักประกันสำคัญในด้านความเติบโตของบริษัทต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top