หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มปรับลงตามภูมิภาค กังวลโควิดระบาดระลอก 2 กระทบศก.โลก

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ติดลบราว 0.4-0.9% จากกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 จนเกิดล็อกดาวน์อีกครั้ง-หวั่น Demand หดตัว-หันไปถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯและพันธบัตรแทน เป็นการโยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยก่อน ส่งพวก Commodity ชะลอ บ้านเราหุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลกก็ได้รับผลกระทบไปด้วย อีกทั้งกลุ่มแบงก์ก็มีแรงกดดันจากข่าวการพัวพันธุรกรรมโอนเงินผิดกฏหมาย ซึ่งคงจะต้องติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมให้จับตาดัชนีฯหากหลุดแนว 1,270 ก็จะเป็น Low ใหม่ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,266-1,260 ส่วนแนวต้าน 1,283 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างติดลบราว 0.4-0.9% จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 แล้วทำให้เกิดการล็อกดาวน์อีกครั้ง ส่งผลให้ Demand หดตัว ทำให้คนกังวลก็จะหันไปถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และพันธบัตรแทน เป็นการโยกเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย อย่างพวกสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ก็น่าจะชะลอลง

ส่วนบ้านเราก็มีกลุ่มพลังงาน, ท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งเห็นได้จากวานนี้หุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวลง โดยเฉพาะใน Emerging Market นอกจากนี้กลุ่มแบงก์ก็ได้รับแรงกดดันจากข่าวเรื่องการพัวพันการโยกเงินในลักษณะผิดกฏหมาย ซึ่งตามข่าวเห็นว่ามี 3 แบงก์ใหญ่ และ 1 แบงก์รัฐ ก็ต้องติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ดี คืนนี้ให้ติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะแถลงต่อคณะกรรมกรรมการวุฒิสภาสหรัฐ ก็ดูว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง ส่วนบ้านเราก็รอดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้, ตัวเลขดุลการค้า และการชุมนุมทางการเมือง

พร้อมให้จับตาดัชนีฯหากหลุดแนว 1,270 จุด ก็จะเป็น Low ใหม่ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,266-1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,283 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด (-1.84%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด (-0.13%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด (-1.16%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 26.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 111.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.15 จุด

    ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.ย.63) 1,275.16 จุด ลดลง 13.23 จุด (-1.03%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,835.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ก.ย.63) ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 4.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.ย.) อยู่ที่ 0.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.34/39 แนวโน้มอ่อนค่า กังวลโควิดระบาดรอบ 2-จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
  • “อสังหาริมทรัพย์” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติโควิด-19 ไม่ต่างกับอีกหลายธุรกิจ โดยภาพรวมตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงครึ่งปีแรก พบว่า มีมูลค่ารวม 128,457 ล้านบาท ลดลง 36% ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 145,969 ล้านบาท ลดลง 8% ยังมีการคาดการณ์ว่าภาพรวมยอดขายคอนโดมิเนียมปีนี้ จะลดลง 50% ส่วนแนวราบ ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา
  • คลังเสนอโครงการ “คนละครึ่ง” แจกเงิน 3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน พร้อมเติมเงินบัตรสวัสดิการอีก 500 บาท 3 เดือน เข้า ครม. วันนี้ คาดใช้เงินทั้งสิ้น 5.1 หมื่นล้านบาท หวังกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ดีเดย์เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนร่วมโครงการ 1 ต.ค. ก่อนจะให้ประชาชนลงทะเบียนรับเงิน 16 ต.ค. ระบุร้านสะดวกซื้อ-โมเดิร์นเทรด หมดสิทธิ์เข้าร่วม
  • “สุพัฒนพงษ์” นั่งหัวโต๊ะ กบง. เคาะตรึงราคาก๊าซหุงต้มถัง 15 กก. ที่ 318 บาทต่ออีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.-ธ.ค. 63 เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน พร้อมสั่งทุกฝ่ายหาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้า เล็งทบทวนต้นทุนการดำเนินการของ 3 การไฟฟ้า ลดสำรองไฟ ดูต้นทุนก๊าซฯ เพื่อลดราคา NGV พร้อมเคาะขยายกำหนดวัน SCOD โครงการ SPP Hybrid Firm ต่ออีกถึงปี 65 ด้าน กกพ.ปรับเกณฑ์กองทุนพัฒนาไฟฟ้า เร่งอัดฉีดเม็ดเงิน 2.8 พันล้านบาท ลงชุมชน คาดจ้างงาน 3 หมื่นคน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
  • ตลท.ประกาศใช้เกณฑ์ “ชอร์ตเซล” ปกติ พร้อมปรับ “ซิลลิ่ง-ฟลอร์” กลับไปที่ 30% เท่ากับช่วงก่อนโควิด หลังความผันผวนในตลาดลดลง “มนตรี” ห่วงรายย่อยเสียเปรียบ ย้ำหากสัดส่วนลดเตรียมเรียกร้องทบทวน ด้าน “นักวิเคราะห์” ฟันธง ยอดชอร์ตเซลส่อพุ่ง กดดันดัชนีหุ้นไทยอาจรูดต่ำ 1,200 จุด เหตุมูลค่าแพงเกิน ขณะปัจจัยนอก ทุบหุ้นไทยวานนี้ร่วงท้ายตลาด
  • “ออมสิน” คาด พ.ย.2563 สรุปร่วมทุนนอนแบงก์ลุยธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หวังคุมตลาดกดดอกเบี้ยลง 10% เหลือไม่เกิน 18% ต่อปี “กคช.” เคาะขายพันธบัตรเพื่อสังคม วงเงิน 6,800 ล้านบาท ระดมทุนสร้างที่อยู่อาศัยมีมาตรฐาน

หุ้นเด่นวันนี้

  • SISB (ฟินันเซีย ไซรัส)“ซื้อ”เป้า 11.20 บาท คาดกำไรทยอยฟื้นตัวใน Q3/63 จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทยอยลดลง และคาดกลับมาใกล้เคียงระดับปกติใน Q4/63 และมีแรงหนุนจากประเด็นการเปิด Campus ใหม่ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 2-3 เดือนข้างหน้า เป็นหุ้น Defensive และ Growth ในตัวเดียวกัน โดยคาดกำไรปกติปี 2563 -25% Y-Y ก่อนกลับมาฟื้นแรง +59% Y-Y ในปี 2564 และทำ New High และมี Upside เพิ่มเติมจาก Campus ใหม่ซึ่งยังไม่ได้อยู่ในประมาณการ
  • BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 23.5 บาท ธุรกิจเข้าสู่ high season ได้ผลบวกภาครัฐคลายเกณฑ์ Medical Tourists โดยเพิ่มจำนวนประเทศที่สามารถเข้ามารักษาพยาบาลตามโปรแกรม AHQ จากเดิม 3 ประเทศ เป็น 138 ประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top