หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.17 จุด กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯขึ้นนำตลาดขานรับราคาน้ำมันรีบาวด์

  • ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,221.33 จุด เพิ่มขึ้น 19.17 จุด (+1.59%) มูลค่าการซื้อขาย 50,169.98 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,222.78 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,209.90 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 971 หลักทรัพย์ ลดลง 597 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 372 หลักทรัพย์

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียบวกได้ราว 1.5% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้น 1.6% เหมือนกันดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่บวกได้ราว 300 จุด ตอบรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน และสหรัฐ และยุโรป ต่างออกมาดีเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐก็อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ทิศทางตลาดสหรัฐและทั่วโลกต่างรอปัจจัยนี้เพื่อปลดล็อก ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ต่างก็ต้องดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเจอผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างหนัก

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน-กลุ่มปิโตรเคมีที่ขึ้นนำตลาด ผลจากราคาน้ำมันรีบาวด์ขึ้นหลังแผ่วไป 4-5 วันก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนสถาบันจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในวันนี้ด้วย ทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศเริ่มทรงตัว แต่ยังมีความคาดหวังถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกปัจจัยในประเทศด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก โดยมีแนวรับ 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ

นอกจากนี้ ให้รอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย.นี้ โดยรอดูถ้อยแถลงของประธานเฟด และติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหลังจากที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก และยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐด้วย ส่วนบ้านเราก็ให้รอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,268.82 ล้านบาท ปิดที่ 78.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,107.33 ล้านบาท ปิดที่ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
  • CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,895.54 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
  • IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,475.90 ล้านบาท ปิดที่ 23.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,337.40 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 พ.ย. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top