หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งพักฐานหลังขึ้นไปมาก-กังวลไวรัสโควิดระบาด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งพักฐาน เหตุกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่กลับมาน่าเป็นห่วงมากขึ้นหลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐขึ้นมา 1.4 แสนคน/วัน จนทำให้ต้องคุมเข้ม-ใช้เคอร์ฟิวในหลายรัฐของสหรัฐ ส่วนตลาดบ้านเราก็ขึ้นไปมากแล้ว ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ พร้อมให้แนวรับ 1,325-1,320 แนวต้าน 1,340-1,345 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งพักฐาน ให้น้ำหนักอิงอ่อนลง จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่กลับมาน่าเป็นห่วงมากขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯขึ้นมาเป็น 1.4 แสนคนต่อวัน ทำให้ต้องมีการคุมเข้มและประกาศใช้เคอร์ฟิว อย่างในบอสตัน, ชิคาโก้ และนิวยอร์ก

ขณะที่ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นไปมากแล้วด้วย และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียติดลบเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/63 ของยุโรป พร้อมกันนี้ให้ติดตามการประชุมกลุ่ม G20 ที่จะมีรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของประเทศกลุ่ม G20 มาร่วมประชุมกันในวันนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,325-1,320 จุด ส่วนแนวต้าน 1,340-1,345 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,080.17 จุด ลดลง 317.46 จุด (-1.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,537.01 จุด ลดลง 35.65 จุด (-1.00%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,709.59 จุด ลดลง 76.84 จุด (-0.65%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 115.24 จุด, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 54.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.02 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 พ.ย.63) 1,336.31 จุด ลดลง 9.03 จุด (-0.67%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,246.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 พ.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 พ.ย.63) ปิดที่ 41.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.24/27 แนวโน้มทรงตัว จับตาทิศทาง Flow ในตลาด
  • ธปท.ไฟเขียวแบงก์ จ่ายปันผลแบบมีเงื่อนไขได้ไม่เกิน ปันผลปี 2562 และไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิปีนี้ หลังผลทดสอบภาวะวิกฤติออกมาเป็นบวก กองทุน 3 ปีแกร่ง เงินสำรอง 1.5 เท่าต่อหนี้เสีย และบีไอเอสสูงถึง 19.8% แต่ยังห้ามซื้อหุ้นคืน “กสิกรไทย-กรุงไทย” ลั่นฐานะแกร่งพร้อมดูแลลูกหนี้หลังหมดมาตรการต่อเนื่อง
  • รฟท.เตรียมเซ็นงานโยธารถไฟไทย-จีน จำนวน 5 สัญญา วงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้าน 18 พ.ย.นี้ คาดทยอยออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงานหรือ NTP ให้ผู้รับเหมาเริ่มงาน ได้หลังปีใหม่ พร้อมเร่งทบทวน EIA ช่วง บางซื่อ-บ้านภาชี หลังได้ข้อยุติสถานีอยุธยา
  • “สุพัฒนพงษ์”เร่งปิดจ๊อบประมูลพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ในปีนี้ ตั้งเป้าปี 64 ลุยภาคลงทุนปลุกเศรษฐกิจทดแทนท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า บีโอไอโชว์ปี 63 อนุมัติส่งเสริมลงทุนอีอีซี 1.85 แสนล้าน
  • นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 มีโอกาสปรับขึ้นได้ แต่ยังไม่ใช่ช่วงไตรมาสแรกที่มีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันสต็อกเดิมยังเหลือจากการจำหน่ายกว่าแสนยูนิต ทำให้เห็นผู้ประกอบการแต่ละรายที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนยังมีการจัดโปรโมชั่น เร่งระบายสินค้าเพื่อปิดงบปลายปีอย่างต่อเนื่อง

หุ้นเด่นวันนี้

  • MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้ออ่อนตัว”เป้า 24 บาท ขาดทุนปกติ Q3/63 4.8 พันล้านบาท ดีกว่าที่คาดและลดลงจาก Q2/63 ธุรกิจโรงแรมค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown โดย NHH พลิกมามี EBITDA เป็นบวก ขณะที่ธุรกิจอาหารยังมี SSSG ติดลบ ยกเว้นจีนที่พลิกมาเป็นบวกตามเศรษฐกิจที่ฟื้นเร็ว แนวโน้ม Q4/63 ยังไม่แน่นอนเพราะหลายประเทศในยุโรปกลับไป Lockdown บางส่วน
  • PLANB (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 7.8 บาท แจ้งงบ Q3/63 พลิกเป็นบวกและมีแนวโน้มโตแรงตั้งแต่ Q4/63 และกำไรปีหน้าโตแบบก้าวกระโดด จากการรับรู้รายได้ในธุรกิจโฆษณาที่เพิ่มขึ้น รับรู้รายได้จาก VGI MACO และ 7-11 เข้ามาเต็มปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top