สธ.แนะรอประกาศฉบับสมบูรณ์กำหนดกักตัว 14 วันภายในวันนี้

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 10 ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันว่า คาดว่าในวันนี้จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการประกาศเขตติดโรคติดต่ออันตรายว่าจะมีกี่ประเทศ และเมื่อประกาศดังกล่าวออกมาแล้ว จะมีการออกมาตรการควบคุมผู้เดินทางกลับจากประเทศดังกล่าว ในการ Self-Quarantine at Home ตามออกมาสำหรับทั้งผู้ที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทยและนักเดินทางต่างชาติ

“เมื่อวานท่านรองนายกรัฐมนตรีได้ประกาศ แต่เช้านี้นายกรัฐมนตรีนัดประชุมเช้านี้ รองนายกฯ เลยให้ประชุมเช้านี้เสร็จก่อน เพื่อจะทบทวนและออกมาเป็นมาตรการเดียวกัน…ดังนั้นขอให้รอความชัดเจนก่อน”

สำหรับมาตรการควบคุมสำหรับผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด ขอความร่วมมือผู้เดินทาง หากมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อยให้ประสานสถานพยาบาล เพื่อนำมาตรวจรักษา แยกกัก หรือกักกัน ตามเหมาะสม

โดยผู้มีภูมิลำเนาในไทยให้กักกันตนเองในที่พัก 14 วัน และปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ผู้ที่ไม่มีภูมิลำเนาในไทยให้แสดงหลักฐานที่พักให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ตามตัวได้ โดยในกรณีของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หมายถึงต่างชาติ เราก็ต้องขอหลักฐานที่อยู่ที่ชัดเจน ให้ทางโรงแรมหรือสถานที่พัก มีหลักแหล่งจริงๆ ถึงจะสามารถติดตามตัวได้ หากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่พักได้ ก็จะส่งกลับไปประเทศต้นทาง

ส่วนการเฝ้าระวังและการรายงานตัว ให้บันทึกอาการในระบบรายงานตัวจนครบ 14 วัน โดยเจ้าพนักงานควบคุมโรค จะเป็นผู้ติดตามอาการทุกวัน หรือหากพบว่าป่วยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ภายใน 3 ชม. ผู้เดินทางจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใน 14 วันเองทั้งหมด ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ

ในส่วนของประชาชนทั่วไป ที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีการรายงานพบผู้ป่วย เมื่อต้องกักกันที่บ้านหลังเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 14 วัน อยากให้ปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไอ เสมหะ หายใจเร็ว หอบให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ส่วนเรื่องแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทางกรมควบคุมโรคแจ้งว่า มี 19 คนที่มีไข้ แต่ผลการตรวจไม่พบเชื้อ แต่ไม่ได้รายงานว่าเป็นลบ ส่วนที่เหลือมีการติดตามในระบบที่เป็นมาตรฐาน

และในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายความมั่นคง เพื่อวางแผนร่วมกัน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลป้องกันการระบาด ดำเนินการตามหน้าที่และพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อสั่งการต่อไป

นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ซึ่งเป็นการประชุมปกติประจำเดือน เพื่อให้ผู้ตรวจราชการทั้ง 12 เขต เสนอแผนของการเตรียมรับมือโควิด-19 ให้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขรับทราบ เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า เรามีการดูแลทั่วประเทศอย่างดีเต็มที่

พร้อมกันนี้ ได้ย้ำถึงการปฎิบัติตามมาตรการเร่งด่วนด้านการป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ 14 ข้อ

ด้านนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์หน้ากากอนามัยขาดแคลน ยืนยันว่า หน้ากากผ้าถือเป็นทางเลือกของผู้ที่ไม่ป่วยได้ โดยสามารถทำหน้ากากผ้าเองได้ ด้วยการใช้ผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ และผ้าสาลู ซึ่งแม้ว่าจะช่วยได้ไม่ 100% แต่รองรับได้ 54-59% โดยกรมอนามัยจะจัดทำคลิปวีดีโอเผยแพร่การจัดหน้ากากผ้าอย่างถูกวิธี และในวันที่ 6 มี.ค. จะมีการจัดกิจกรรม Kick Off สาธิตการล้างมือ การเย็บหน้ากากผ้า การทำความสะอาดสถานที่ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขเป็นประธาน

ขณะที่วันนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม โดยยอดผู้ป่วยสะสมยังอยู่ที่ 43 ราย เป็นผู้ป่วยที่รักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว 31 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ด้านผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 3 มีนาคม 2563 มีจำนวน 3,680 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 104 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 3,576 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,435 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,545 ราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top