TALK: เทรดสไตล์ ‘หยง Monkey Trader’ รายย่อยต้องรอด เมื่อตลาดหมีถล่มโลก (ตอน 1)

กระบวนการทางความคิดที่ดี (Mindset) มักนำพาไปสู่หนทางที่ประสบความสำเร็จแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้น และวันที่ตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยโดนถล่มหนักเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) อย่างเต็มรูปแบบจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

“อินโฟเควสท์” มีโอกาสพูดคุยมุมมองการลงทุนกับ”หยง” หรือนายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ นักลงทุนอิสระ ซึ่งเป็นวิทยากรและเจ้าของหนังสือ “หยงเกิดมาเทรด” ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีกับการเทรดสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในไทยและต่างประเทศ แชร์มุมมองและข้อมูลที่เป็นประโยชน์คาดหวังว่านักลงทุนหลายๆท่านคงนำไปต่อยอดปรับใช้ตามสไตล์การลงทุนของตัวเองต่อไป

“หยง” กล่าวว่า ช่วงนี้ทุกคนกลัวการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่สามารถคาดเดาจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นได้ ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดแรงขาย Panic Sell ตามหลักการของเทคนิคเคิลทำให้แนวรับในอดีตเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวของนักลงทุน ถ้าบริเวณนั้นนักลงทุนเริ่มคลายกังวลก็จะกลายเป็นแนวรับจริงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักการของจิตวิทยาอุปทานหมู่ แต่วันนี้ความรู้สึกและอารมณ์นักลงทุนยังมีความกลัวอย่างมาก ดังนั้น การเด้งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่มาเป็นรอบๆในระยะนี้ มองเป็นแค่แรงซื้อคืน cover shot เท่านั้น ไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่

“ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ขึ้นทุกตัวเหมือนกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องบอกว่าตลาดหุ้นบ้านเราโซเซมาแล้วร่วม 2 ปี ก่อนมาโดนซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 ดังนั้นเมื่อใช้กราฟเทคนิคเคิลมาเป็นส่วนช่วยคัดกรองหุ้น ต้องสังเกตว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 กราฟหุ้นตัวใดบ้างที่กำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น เมื่อยามตลาดหุ้นเป็นขาลงก็มองให้เป็นโอกาสทองคัดเลือกหุ้นที่เป็นของดีเข้าพอร์ต เพราะเมื่อยามตลาดหุ้นขึ้นมาสูงแล้ว บางครั้งเรามองไม่ออกว่าหุ้นตัวไหนดีบ้างเพราะราคาขึ้นหมดทุกตัว แต่เมื่อตลาดขาลงหุ้นตัวใดบ้างที่ลงน้อยและพื้นฐานกำไรเป็นเทรนด์ขาขึ้น หุ้นประเภทนี้เมื่อจบวิกฤตโควิด-19 แล้วราคาหุ้นก็จะเด้งกลับมารวดเร็วเพราะเป็นตัวเลือกแรกของนักลงทุนรวมถึงนักเก็งกำไร”

สภาพคล่องต้องพร้อม สอยของถูกยามวิกฤต

“หยง” กล่าวว่า การปรับตัวลดลงรุนแรงของตลาดหุ้นไทยรอบนี้นักลงทุนรายย่อยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือนักลงทุนขายของออกไปก่อน ไม่ว่ามีกำไรหรือขาดทุน และอีกประเภทคือนักลงทุนที่ยังเก็บของไว้ในพอร์ตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ว่าจะขายก่อนหรือถือต่อไป สิ่งสำคัญอยู่ที่ “สภาพคล่อง” นักลงทุนรายย่อยควรคำนึงถึงอันดับแรกเนื่องจากเมื่อมีโอกาสสามารถเข้าไปซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูก โดยไม่ต้องขายหุ้นตัวอื่นในพอร์ตเพื่อมาซื้อหุ้นที่ต้องการ ตามหลักการลงทุนที่ดีไม่ควรต้องเป็นแบบนั้น

“เมื่อมีสภาพคล่องแล้ว โดยส่วนตัวสไตล์การเทรดเป็นลักษณะการเก็งกำไรมากกว่าซื้อลงทุนระยะยาว ดังนั้นเป้าหมายของการเก็งกำไรคือ Capital gain หรือกำไรที่ได้จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเป็นหลัก และได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นในช่วงสั้นด้วย”

“หยง” กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การเทรดเพื่อบริหารความเสี่ยงหากเกิดการเก็งกำไรผิดพลาด เมื่อเจอหุ้นที่ถูกใจแล้วก็แบ่งเงินลงทุนหลายล็อต หรือเป็นไม้ โดยไม้แรกที่เข้าซื้อต้องเป็นจำนวนเงินไม่สูง เรียกว่าถ้าเกิดผิดพลาดตั้งแต่ไม้แรกพอร์ตหุ้นไม่พัง และถ้าหุ้นขึ้นต่อก็ทยอยเข้าไปซื้อเพิ่มเติม เป็นการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนของการถือหุ้นในระยะสั้น เพื่อให้ต้นทุนต่ำกว่าราคาตลาดฯ หรือเรียกว่าเป็นการซื้อเฉลี่ยขาขึ้น ซึ่งนักลงทุนบ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ลักษณะนี้

คัดหุ้นปันผล-การเงินแกร่ง เมื่อตลาดฟื้นเด้งกลับเร็ว

“หยง” ระบุอีกว่า ในภาวะตลาดหุ้นเป็นขาลง โดยส่วนตัวไม่ได้มองหาหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุด หรือมีกำไรจากการเด้งคืนของราคาหุ้น Capital gain สูงที่สุด แต่มองหาหุ้นที่มีคุณสมบัติที่เมื่อตลาดหุ้นสิ้นสุดภาวะขาลงแล้ว หุ้นตัวใดบ้างหรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดบ้างที่เงินลงทุนจะไหลเข้าไปในหุ้นประเภทนี้มากที่สุด ซึ่งเมื่อเจอแล้วก็อาจจะถือยาวไปถึง 3-6 เดือนก็ได้เพื่อได้รับผลตอบแทนสูง

คุณสมบัติของหุ้นดังกล่าว เมื่อตรวจสอบกราฟเทคนิคเคิลแล้วต้องมีราคาปรับตัวลดลงน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ มีปันผลสูงและจ่ายสม่ำเสมอ หุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งสามารถบริหารจัดการหนี้สินต่อทุนต่ำในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นอกจากนี้ หุ้นบริษัทที่มีผลประกอบการในแง่รายได้ยังทรงตัวได้แข็งแกร่งหรือปรับตัวลดลงน้อยกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน เป็นสิ่งสะท้อนว่าบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดและผู้บริโภคยังซื้อสินค้าต่อเนื่อง ซึ่งอาจต้องสังเกตจากช่วงประกาศกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/63 ที่ทุกคนมองว่าย่ำแย่ แต่เชื่อว่าเมื่อประกาศผลประกอบการแล้วน่าจะเห็นหุ้นที่เป็น “ช้างเผือก” หลายๆบริษัทเหมือนกัน

“หุ้นที่มีปันผลและมีโครงสร้างการเงินแข็งแกร่ง ผมกำลังโฟกัสกับหุ้นประเภทนี้เพราะเชื่อว่าถ้าตลาดฯกลับมาดี หุ้นประเภทนี้จะกลับมาเด้งได้เร็ว”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top