ต่างชาติเที่ยวไทยปี 63 คาดโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี กดดันจากเศรษฐกิจโลก-ค่าเงินบาทไม่เอื้อ

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีจำนวนประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 2.0%-3.0% เป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.97 – 1.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.4% – 2.5% จากปี 2562

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 2-3% เป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี และจะเป็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด โดยหลักจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้อย่างภูมิภาคเอเชีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ เช่น ยุโรป โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง ยังมีแนวโน้มที่ปรับลดลง

ขณะที่ มองว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีมูลค่าประมาณ 1.97 – 1.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.4% – 2.5% จากปี 2562 จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้อ ประกอบกับข้อมูลจากการท่องเที่ยวในหลายประเทศ สะท้อนว่า มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย

โดยนอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการแข็งค่าของเงินบาทที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับงบประมาณแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากเทรนด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าการซื้อสินค้า การแข่งขันธุรกิจที่พัก วันพักที่สั้นลง รวมถึงนักท่องเที่ยวหลักส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้

ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ประมาณ 4% แต่เป็นการเติบโตเฉพาะบางประเทศ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวบางประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเฉพาะ อาทิ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อย่างมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า (Visa on Arrival) ที่ช่วยหนุนตลาดนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย เป็นต้น หรือจากปัญหาความไม่สงบในฮ่องกงทำให้นักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่งเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากหลายประเทศยังหดตัว เช่น นักท่องเที่ยวจากยุโรป อย่างกลุ่มสแกนดิเนียเวีย นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย อย่างนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 2563 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะยังมีโอกาสขยายตัวได้ แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยจะเห็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าจะยังเติบโตได้ จะมาจากภูมิภาคเอเชีย อาทิ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย อาจจะต้องติดตามสถานการณ์ภายหลังจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า (Visa on Arrival) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.63

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกา น่าจะยังมีทิศทางที่ดี ขณะที่ทิศทางนักท่องเที่ยวยุโรป อาจจะยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยตลาดที่น่าจะเติบโต อาทิ รัสเซีย สหราชอาณาจักร และยุโรปตะวันออก อย่างไรก็ดี การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป อาจมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุโรปเที่ยวไทยในช่วงกลางปี

“ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นปีที่มีความท้าทายสูง และการทำตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เมื่อสภาพแวดล้อมธุรกิจท่องเที่ยวยังคงมีแรงกดดันทั้งจากปัจจัยเดิมๆ และปัจจัยที่เกิดขึ้นใหม่” ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภายใต้โจทย์ที่ท้าทายต่างๆ ข้างต้น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวคงต้องเตรียมวางแผน ดังนี้ การจัดการบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา เพื่อมิให้มีผลต่อสภาพคล่องทางธุรกิจ, เจาะตลาดตามเทรนด์ของนักท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ควรเพิ่มการบริการอาหารเพื่อสุขภาพและปลอดสารพิษ (Health and Organic) หรือการชูจุดขายในเรื่องของสิ่งแวดล้อม อย่างการใช้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในชุมชน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

และเลือกใช้เทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น การทำตลาดบนโลกออนไลน์ โดยเพิ่มช่องทางหลากหลายขึ้น โดยไปอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ของผู้ประกอบการ สื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่าน OTAs (Online Travel Agent) การปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ทันสมัย และปรับผลิตภัณฑ์การบริการให้เข้ากับเทรนด์ตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงระบบการชำระเงินอย่าง QR Payment

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ม.ค. 63)

Back to Top