แม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาภาพรวมอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ก่อนจะ ถูกเร่งด้วยวิกฤติของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สร้างการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยผ่านแพลตฟอร์มช่องทาง ออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ด้วยภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ยกระดับการแข่งขันดุเดือดกันมากขึ้นจากการเข้ามาแข่งขันของผู้ ประกอบการรายใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยกลายเป็นสมรภูมิรบเปิดฉากสงครามราคาเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทาง การตลาดของกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ซึ่งปัจจุบัน บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) ผู้ประกอบการเพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุด่วนที่ เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักแห่งประเทศไทย (SET) และยังคงรั้งอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมมายาวนาน แต่จากภาวะการแข่ง ขันที่รุนแรงจะสร้างผลกระทบกับเป้าหมายอันดับหนึ่งหรือไม่และที่สำคัญคือจะนำไปสู่อุปสรรคกับแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตแค่ ไหน…??
อนาคตอุตสาหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์เติบโตได้อีกไกล
นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน KEX เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ปัจจุบันพฤติกรรม ของผู้บริโภคยังคงนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce และ Social Commerce ทำให้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากต้องชะลอการเดินทางและทำงานจากที่บ้าน (work from home) ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมปลายน้ำอย่างธุรกิจของบริษัทมีแนว โน้มการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนจากหลายประเทศทั่วโลก ยกตัวอย่างประเทศจีน ,สหรัฐฯ ,โซน ยุโรป ,เกาหลีใต้ ,และญี่ปุ่น ปัจจุบันมีปริมาณสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์สูงกว่าในไทยมาก ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะมีอัตราการ เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เป็นผลเชิงบวกโดยตรงต่ออัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมปลายน้ำ คือ ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุ จึงมองว่าแนว โน้มผลประกอบการของบริษัทยังมีโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกมากในอนาคต
“การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นตัวแปรเร่งพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ใช่แค่พฤติกรรมของผู้ บริโภคคนไทย แต่เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย”
นายอิศรินทร์ กล่าว
เป้าชัดครองแชมป์ต่อเนื่อง ชี้สงครามราคาเป็นปกติของโลกแข่งขัน
นายอิศรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบ ว่ามีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเติบโตอีกมาก เป็นที่มานักวิเคราะห์หลายสำนัก ประเมินสถานการณ์การแข่งขันว่าจะยกระดับการแข่งขันสู่สงครามราคาที่มีความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปีและข้อได้เปรียบของความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนของเมือง ไทย บริษัทประเมินว่าภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นโจทย์ที่บริษัทมุ่งให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะการยก ระดับให้บริการกับผู้บริโภค สะท้อนได้จากผลเชิงบวกจากทิศทางผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเป้าหมายหลังจากนี้บริษัทยังคงต้องการรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
“ภาวะสงครามราคาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย เป็นปัจจัยที่คาดการณ์ไว้แล้ว หนึ่งในจุดแข็งของ บริษัทคือบริษัทแม่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก จึงทำให้มองเห็นแนวโน้มต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงตามการเติบโตตามความต้องการใช้บริการของแต่ละ ประเทศ ซึ่งในอนาคตมองว่าศักยภาพทำกำไรของบริษัทจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันสิ่งที่เรามุ่งให้ความสำคัญคือการรักษาส่วนแบ่ง ทางการตลาดเพื่อยังคงครองอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยได้อย่างมั่นคง และดำเนินการควบคู่ไปกับมุ่งยกระดับ การให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้รับการบริการอย่างที่ดีสุด ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีแนวทางลดต้นทุนต่อหน่วยให้ได้ มากที่สุดด้วยเพื่อคงศักยภาพทำกำไร แต่ยังสามารถลดราคาให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับเราได้เช่นกัน เช่นเดียวกับเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน มาบริษัทลดราคาให้กับผู้บริโภคเพื่อตอบโจทย์ความต้องการจัดส่งพัสดุด่วนราคาประหยัดสอดคล้องกับสถานการณ์ของภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน เวลานี้”
นายอิศรินทร์ กล่าว
ผลงาน Q1/64 ส่อต่ำสุดรอบปี ลุ้นฟื้นตัวโดดเด่น H2/64
สำหรับภาพรวมการเติบโตผลประกอบการบริษัทโดยภาวะปกติแล้วในไตรมาส1/64 เป็นโลว์ซีซั่น แต่ไตรมาส 2/64 ปีนี้ ประเทศไทยกลับมาเผชิญกับการระบาดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการขนส่งพัสดุด่วนมีแนวโน้มการเติบโตสูง อย่างชัดเจน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่น่าจะเติบโตมากกว่าไตรมาส 1/64 แต่ต้องมาติดตามว่าจะเป็นอย่างไรหากเทียบกับผลประกอบการ ไตรมาส 2/63 ที่เคยเป็นจุดสูงสุดของปีก่อนเนื่องจากมีสถานการณ์ล็อกดาวน์ช่วงเริ่มการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง แม้ว่าภาวะปกติจะเป็นไฮซีซั่น เป็นฤดูกาลของบิ๊กแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคของแพลตฟอร์ม E- Commerce ต่างๆ แต่คงต้องติดตามว่าสถานการณ์โควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจของไทยจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นจนส่งผลดีต่อกำลัง ซื้อของประชาชนในประเทศได้แค่ไหน
“ภาพรวมอุตสาหกรรม E-Commerce และ Social Commerce มีโอกาสการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกๆปีอยู่แล้ว บริษัทมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้การเติบโตของผลประกอบการของบริษัทระยะยาว เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ ในทิศทางเดียวกัน”
นายอิศรินทร์ กล่าว
ยันเงินทุนหนา พร้อมลุยซื้อกิจการเพิ่มมูลค่าธุรกิจ
นายอิศรินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทวางกลยุทธ์เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้างมากขึ้นด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหลาย อุตสาหกรรม อาทิ การร่วมมือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วไปที่ไปตั้งศูนย์รับ-ส่งพัสดุภายในร้านค้าที่ร่วมเป็นพันธมิตร นอกจาก นั้น ยังมองเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาเน้นการให้บริการทั้งรูปแบบ B2C และ C2C มีความเข้มข้นมากขึ้นตอบโจทย์ ความต้องการของลูกค้าครอบคลุมได้อย่างทั่วถึง
และนอกเหนือจากธุรกิจหลักการจัดส่งพัสดุด่วนแล้ว บริษัทอยู่ในขั้นตอนการศึกษาดีลซื้อกิจการ (M&A) ปัจจุบันอยู่ในแผนหลายดี ล แต่การปิดดีลนั้นจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพของกิจการดังกล่าวต้องเข้ามาส่งเสริมโอกาสทำกำไรให้ได้มากที่สุดเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีการศึกษาขยายธุรกิจใหม่ร่วมกับพันธมิตร โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียง สามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าธุรกิจกลุ่มบริษัท เบื้องต้นคาดว่าจะมีความชัดเจนครึ่งปีหลัง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
ส่วนฐานะเงินทุนในการขยายธุรกิจเพิ่มเติมนั้น ยืนยันว่าปัจจุบันบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอการขยายธุรกิจ สะท้อนจากรายรับที่ เป็นกระแสเงินสดเป็นบวกที่เข้ามาทุกๆไตรมาส ส่วนเงินที่ระดมทุนมาจากช่วงขายหุ้น IPO นั้นประมาณกว่า 8 พันล้านบาทที่ผ่านมาใช้ชำระ หนี้เงินกู้ไปแล้วประมาณ 800 ล้านบาทก็ยังเหลืออยู่กว่า 7 พันล้านบาทสนับสนุนแผนการลงทุนสร้างการเติบโตในอนาคตอันใกล้นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 64)
Tags: E-Commerce, KEX, บริการจัดส่งพัสดุ, หุ้นไทย, อิศรินทร์ ภัทรมัย, อีคอมเมิร์ซ, เคอรี่ เอ็กซ์เพรส