หมอธีระ แนะ 5 แนวทางรับมือโควิด หลังคาดพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง

นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ของไทยว่า ตอนนี้มียอดติดเชื้อรวมอยู่ที่อันดับ 46 ของโลก อีก 2-3 วันจะแซงคาซักสถานขึ้นเป็นอันดับ 45 ได้

นอกจากนี้ ไทยมีจำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติ มากเป็นอันดับที่ 7 ของโลก เป็นรองเพียงอินเดีย อเมริกา บราซิล โคลอมเบีย อิหร่าน และเม็กซิโก แต่หากดูเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้…เป็นอันดับ 1…

นพ.ธีระ กล่าวต่อว่า หากประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ด้วยมาตรการที่ดำเนินการอยู่ สิ่งที่ควรเตรียมรับมือ มีดังนี้

1. การติดเชื้อใหม่จะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั้งนี้ต่างจังหวัดในเขตเมืองจะมีมากขึ้น

2. จังหวัด/เกาะ ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น การระบาดจะเริ่มเห็นเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มจะชัดเจนมากช่วงปลายสิงหาคม โดยปัจจัยหลักเกิดจากกิจกรรมกิจการต่างๆ ที่มีมากขึ้นในพื้นที่ ทำให้พบปะกัน สัมผัสกัน สังสรรค์กัน กระตุ้นให้การติดเชื้อแฝงในชุมชนที่มีอยู่เดิมนั้นขยายวงขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวให้เข้มแข็ง ปรับรูปแบบการดำเนินกิจการกิจกรรมต่างๆ ให้เน้นความปลอดภัย

3. ด้วยจำนวนติดเชื้อใหม่รายวันมีมาก ระบบการดูแลไม่ว่าจะที่บ้าน ที่พักคอย ที่รพ.สนาม หรือที่โรงพยาบาล ไม่มีทางเพียงพอ ดังนั้นบทบาทของชุมชนจึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะประคับประคองดูแลคนในพื้นที่ ปัญหาการติดเชื้อภายในที่อยู่อาศัยจะยังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเมินแล้วคาดว่า shortcut ที่จำเป็นต้องทำคือ การเปิดวัดและโรงเรียนเพื่อรับผ่องถ่ายจากบ้านมาอยู่ที่นี่แทน จึงจะมีโอกาสลดทอนการแพร่เชื้อภายในบ้านได้ โดยอาจต้องขอกำลังพระภิกษุและคุณครูมาเป็นผู้ช่วยดูแลกำกับหรือประสานงาน

4. เตรียมเสบียงและสิ่งของจำเป็นไว้ในบ้าน ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้านไว้สัก 2-4 สัปดาห์ ก็จะเป็นประโยชน์ยามฉุกเฉิน การทบทวนสิ่งสำคัญ ข้อมูลสำคัญส่วนตัว และบันทึกไว้ในที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หากไม่สบายและมีข้อจำกัดในการดูแลรักษาตัว ก็จะสามารถส่งต่อให้กับสมาชิกในครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วง

5. วางแผนการใช้จ่าย ระมัดระวังเรื่องการลงทุน หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินโดยไม่จำเป็นจริงๆ และระวังมิจฉาชีพที่จะหลอกลวงด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการค้าขาย การโฆษณาเกินจริง การล่อด้วยกิเลสให้เข้าถึงการรักษา ยารวมถึงวัคซีนต่างๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top