สธ.เดินหน้าฉีดไฟเซอร์บุคลากรด่านหน้าตั้งเป้าครบภายในเดือนนี้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 ว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้เร่งดำเนินการเป็นไปตามแผนที่ได้จัดวางไว้ ทั้งการเตรียมพร้อมบุคลากรที่จะทำหน้าที่ให้บริการฉีดทั้งด้านเทคนิคและวิธีการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามมาตรฐานของวัคซีนไฟเซอร์

รวมทั้งระบบการติดตามเฝ้าระวังอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA base vaccine) มีความเข้มข้นสูง ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่กำหนด เพื่อคงประสิทธิภาพวัคซีน ซึ่งได้ให้สถาบันบำราศนราดูรจัดอบรมออนไลน์ให้แก่ทีมบุคลากรของสถานพยาบาลกว่า 600 คนทั่วประเทศ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการ

โดยวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกนี้ จะเร่งรัดฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นไปตามที่สถานพยาบาล หรือสถานบริการพิจารณา เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต

สิ่งสำคัญ คือ การบริหารการจัดส่งวัคซีน เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์จะเก็บรักษาอยู่ในความเย็นอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส มีอายุได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นจึงแบ่งการจัดส่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงที่ 1 คือวันที่ 4-7 ส.ค.64 ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด โดยในวันที่ 4-5 ส.ค.นี้ ดำเนินการส่งไปถึงปลายทางแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ กทม., จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ, นครนายก, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี รวมสถานพยาบาล 69 แห่ง ซึ่งพื้นที่สามารถแจ้งขอเพิ่มเติมได้ตามจำนวนและความต้องการ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการส่งให้ช่วงที่ 2

สำหรับโรงพยาบาลที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้วทั้ง กทม.และต่างจังหวัด อาทิ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา, โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี, โรงพยาบาลชลบุรี, โรงพยาบาลสมุทรปราการ, โรงพยาบาลนครนายก,โรงพยาบาลสระบุรี, โรงพยาบาลระยอง เป็นต้น บางแห่งได้เริ่มฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ฯ แล้วในบ่ายวันนี้ และให้ครบตามเป้าหมายภายในเดือน ส.ค.นี้ จากนั้นก็จะเร่งดำเนินการในกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top