BBIK ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% ตามความต้องการงานที่ปรึกษาด้านดิจิทัลฯ

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดจะรักษาระดับการเติบโตของรายได้ในปีนี้ให้เท่ากับในอดีต ซึ่งในอดีตมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 22.90% ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขายและบริการ 126.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 30.06 ล้านบาท คิดเป็นอัตราทำกำไรสุทธิที่ 23.67%

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานในธุรกิจหลัก หรือการบริหารงานที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เนื่องด้วยเชื่อว่าจะมีความต้องการทรานส์ฟอร์มของฝั่งลูกค้า เพื่อสู้กับกระแสของดิจิทัล และการแข่งขันในอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าปัจจุบันบริษัทฯ ต่างๆ ก็มีการปรับตัวให้พนักงานมีการทำงานจากที่บ้าน และการสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ก็ทำผ่านช่องทางออนไลน์เกือบทั้งหมด รวมไปถึงภาคการเงิน ที่บริการทางการเงิน Transaction ราว 80-90% ก็วิ่งผ่านระบบที่เป็นดิจิทัล ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงดีมานด์ดังกล่าว

อีกทั้งในช่วงปลายปี 64 บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย 40% และบริษัทฯ ถือหุ้น 60% เพื่อเติมเต็มนวัตกรรมและศักยภาพด้านดิจิทัลสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ OR เป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยปีนี้จะรับรู้รายได้เข้ามาไม่มาก แต่ในปี 65 ก็คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากบริษัทร่วมทุนดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นต่อไป

ขณะที่แผนการดำเนินงานภายหลังจากการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ก็มีเป้าหมายที่จะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ ในงานที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เนื่องด้วยขนาดบริษัทในปัจจุบันเมื่อเทียบกับตลาด หรือเทียบกับผู้เล่นต่างชาติยังมีขนาดเล็กอยู่ และในระยะกลาง 3-5 ปี บริษัทฯ ก็มีเป้าหมายขยายตลาดออกไปสู่ตลาดในต่างประเทศร่วมกันกับพันธมิตร โดยมีความสนใจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อผลักดันสัดส่วนลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้นในอนาคต จากเดิมที่อยู่ 5-10% โดยเชื่อว่าคุณภาพขของบุคลากรที่มี รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานในรูปแบบออนไลน์ จะเอื้อประโยชน์ให้บริษัทฯ สามารถทำงานร่วมกับบริษัทที่อยู่นอกประเทศได้ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไป ทำให้เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวในอนาคต และอีกเป้าหมายหนึ่ง คือ การคิดผลิตภัณฑ์ และธุรกิจใหม่ขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าด้วยทรัพยากรที่มี ผนวกกับพันธมิตร จะสมามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีออกสู่ตลาดได้

“บริษัทฯ มีเป้าหมายมุ่งเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร โดยนำจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและบุคลากรที่เคยร่วมงานกับบริษัทคอนซัลท์ชั้นนำระดับโลก ให้บริการคำปรึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการยกระดับองค์กรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และปลดล็อกศักยภาพการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดเพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ ครอบคลุมการวางกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) เพื่อค้นหาปัจจัยความสำเร็จที่จะสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด การบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) การพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ให้คำปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) และการจัดหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) ให้แก่ลูกค้าเพื่อปฏิบัติงานจนจบโครงการ” นายพชร กล่าว

ด้านนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.บลูบิค กรุ๊ป เป็นหุ้น IPO ที่มีศักยภาพโดดเด่น โดยมีบริการที่หลากหลายและครอบคลุมด้านการวางกลยุทธ์และบริหารจัดการ เทคโนโลยีและดิจิทัล จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและปลดล็อกศักยภาพการเติบโต ที่ผ่านมาจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้บริการเป็นจำนวนมากและมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีโอกาสขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับเทรนด์การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั่วโลก

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.บลูบิค กรุ๊ป ถือเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศไทย ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ รวมถึงมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า สามารถแข่งขันกับบริษัทคอนซัลต์จากต่างประเทศได้ ขณะที่ผลการดำเนินงานมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ OR ผ่านบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตแก่บริษัทฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top