เงินบาทเปิด 33.50 อ่อนค่าสุดรอบ 3 ปี หลังดอลลาร์แข็งค่าตอบรับผลประชุมเฟด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานที่ระดับ 33.45 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าจากแรงซื้อหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับลดลงเงิน QE ในเดือน พ.ย.และการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมในปี 66

“บาทอ่อนค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค โดยวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับ 33.50 บาท/ดอลลาร์ หลังมีปัจจัยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าจากผลประชุมเฟด โดยเฉพาะการส่งสัญญาณเรื่องปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ที่เซอร์ไพรสตลาด ระหว่างวันอาจมีความผันผวน”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.45-33.60 บาท/ดอลลาร์

นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูกรณีการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป และทิศทางของเงินทุนตลาดประเทศในช่วง 6-7 วันที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนต่างชาติทยอยขายพันธบัตรวันละ 2,000 – 3,000 ล้านบาท

THAI BAHT FIX 3M (22 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.33429% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.32293%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.84 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนนี้ที่ระดับ 109.49 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1688 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1732 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 33.442 บาท/ดอลลาร์
  • ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารยังประเมินค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ไว้ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าปัจจุบันค่าเงินบาทจะอ่อนค่าทะลุ 33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว โดยค่าเงินบาทได้อ่อนค่ามากถึง 10.3% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการที่ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกิดการขาดดุลจากภาคการท่องเที่ยวที่หายไป และมีเงินไหลออกจากประเทศไปส่วนหนึ่ง ประกอบกับการที่ขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ทำให้ต่างชาติมีการลดการถือครองตราสารหนี้ซึ่งจะเห็นว่าต่างชาติเริ่มซื้อตราสารหนี้ลดลงจากเดิมที่ซื้อ 87,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอีก
  • สศช.จัดระดมความคิดจัดทำแผนพัฒนา ฉบับที่ 13 “ประยุทธ์” ประกาศพลิกโฉมประเทศไทย รองรับเมกะเทรนด์ใหม่ของโลก และฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 “ดนุชา” ชี้แผนฯ 13 ต้องทำ 13 หมุดหมายให้เสร็จใน 5 ปี “วิรไท” เปิด 7 เรื่องสำคัญที่เป็นTipping Point หรือจุดอันตรายของประเทศไทย
  • TTB ประเมินธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์โควิด คาดมาตรการภาครัฐหนุนกระตุ้นการใช้จ่ายด้าน “บิ๊กซี” ดึงราคาสินค้าต่อเนื่อง ขนทัพสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 2,000 รายการ หั่นราคาสูงสุด 70% ช่วยผู้บริโภคลดค่าครองชีพ
  • ขยับฤกษ์เปิด 5 จังหวัด รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ “พิพัฒน์” เผยดีเดย์พร้อมกัน 1 พ.ย. เตรียมชง “ศบค.” ชุดใหญ่ 27 ก.ย. รอฉีดวัคซีนเกิน 70% สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ “อนุทิน” เผยพ.ร.ก.คุมโรคติดต่อ เทียบเท่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดกิจการได้ เตรียมนำเข้าที่ประชุมคกก.โรคติดต่อแห่งชาติวันนี้
  • กลุ่มไทยพาณิชย์ (SCB Group) ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ตั้งบริษัทแม่ภายใต้ชื่อ “SCBX” (เอสซีบี เอ็กซ์) ครอบคลุมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เน้นการเติบโตรับบริบทใหม่ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมดันเข้าตลาดหุ้นแทน ธ.ไทยพาณิชย์ โดยจะขออนุมัติในการประชุมผู้ถือหุ้นวาระพิเศษในเดือน พ.ย.นี้
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
  • นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
  • กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
  • เฟดยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 7.0% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 4.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังซบเซา และยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่เฟดต้องการบรรลุเป้าหมายก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE
  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Kingsview Investment Management กล่าวว่า เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE แต่ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าจะปรับลดเมื่อใด หรือปรับลดจำนวนเท่าใด ซึ่งท่าทีของเฟดในการประชุมล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นด้านการเงินซึ่งเฟดได้นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงิน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนส.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.
  • นักลงทุนจับตาการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ที่มีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวด โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top