สธ.เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการที่โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเรียนรูปแบบ On Site ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้วกว่า 12,000 แห่งทั่วประเทศ และจะทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อม จึงต้องเน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา

โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด 6 มาตรการเสริม ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง ส่วนแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา

  1. ประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง
  2. Small Bubble ทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย
  3. อาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ
  4. อนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ความสะอาด น้ำ ขยะ
  5. School Isolation มีแผนเผชิญเหตุและซักซ้อม
  6. Seal Route ดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน และ
  7. School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาได้รับวัคซีนจำนวนมากที่สุดอย่างน้อย 85%

“ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ไปเรียนในโรงเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรเน้นย้ำกับบุตรหลานว่าไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย ไม่ลืมตรวจ ATK ไม่เล่นเป็นทีมหรือกลุ่มใหญ่ ไม่นั่งติดกันทั้งเวลาเรียน คุยเล่น ทานข้าว และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน สำหรับการเรียนภายในห้องเรียนต้องไม่เกิน 25 คนต่อห้อง รวมถึงไม่เปิดแอร์เรียนนานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องมีการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ หากทุกคนในสถานศึกษาร่วมมือร่วมใจทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโควิด 19 ในสถานศึกษาได้ และเมื่อลูกหลานกลับมาถึงบ้านแล้ว ควรรีบล้างมือ อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย อีกทั้งยังต้องเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน หากคนในครอบครัวสงสัยว่าติดเชื้อโควิด 19 ให้รีบตรวจ ATK พร้อมกักตัวเองแยกออกจากคนในบ้าน หากสงสัยว่าติดเชื้อโควิด 19 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422” 

นพ.โอภาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เด็กนักเรียนและนักศึกษาอายุ 12-17 ปี จนถึงวันที่ 2 พ.ย.64 ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ป้องกันโควิด-19 เข็มแรกแล้ว 2,493,957 คน หรือ 55.4% เข็มที่สอง 606,942 คน หรือ 13.5% จากเป้าหมาย 4.5 ล้านคน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนไปแล้วแต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาลควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top