พาณิชย์ เผย 10 เดือนแรกไฟเขียวต่างชาติลงทุนในไทย 213 ราย จ้างงานกว่า 5 พันคน

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.64) คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 213 ราย เงินลงทุนรวมกว่า 11,554 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 5,000 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 82 ราย คิดเป็น 38% สิงคโปร์ 33 ราย คิดเป็น 15% และฮ่องกง 20 ราย คิดเป็น 9%

สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาทิ ธุรกิจบริการเป็นที่ปรึกษา บริหารจัดการ และให้บริการเดินรถและซ่อมแซมบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูง ภายใต้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในประเทศไทย, ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบและทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ, ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันภัย และบริการออกแบบวิศวกรรม จัดซื้อจัดหา ก่อสร้าง ทดสอบและตรวจสอบท่อลำเลียงเชื้อเพลิงก๊าซรวมถึงสถานีควบคุมและวัดปริมาตรก๊าซธรรมชาติสำหรับโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เป็นต้น

รมช.พาณิชย์ คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 64 นี้ จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนต.ค. 64 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 28 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 703 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 745 คน

นอกจากนี้ ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล องค์ความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะของเพชร การตรวจสอบคุณภาพ และการเก็บรักษาเพชร องค์ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้ง การตั้งค่าระบบ การซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการปรับปรุงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง และสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ โดยระบบการรักษาด้วยรังสี เป็นต้น

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่

1. ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศอินเดีย เยอรมนี และญี่ปุ่น เงินลงทุนจำนวน 27 ล้านบาท ได้แก่ ค้าปลีกสินค้าประเภทชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ใช้ร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า, นายหน้าหรือตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าประเภทอุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า อุปกรณ์แปลงสัญญาณไฟฟ้า ตัวควบคุมระบบอัตโนมัติ และค้าปลีกแม่พิมพ์ (Mold) และอุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (Jig) ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

2. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 12 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ เป็นต้น เงินลงทุนจำนวน 234 ล้านบาท อาทิ บริการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ไอศกรีม, บริการให้เช่าซื้อสินค้าประเภทเครื่องจักรกลงานก่อสร้าง และบริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง

3. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ หรือในกลุ่ม จำนวน 10 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น เงินลงทุนจำนวน 315 ล้านบาท อาทิ บริการจัดทำแผนที่ดิจิทัล (digital map), บริการให้กู้ยืมเงิน และบริการทางบัญชี บริการทางกฎหมาย และกิจการโฆษณาโดยให้ใช้พื้นที่บนแอพพลิเคชั่น

4. คู่สัญญากับเอกชน จำนวน 3 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน และเกาหลี เงินลงทุนจำนวน 127 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบวิศวกรรม จัดซื้อจัดหา ก่อสร้าง ทดสอบและตรวจสอบท่อลำเลียงเชื้อเพลิงก๊าซรวมถึงสถานีควบคุมและวัดปริมาตรก๊าซธรรมชาติสำหรับโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม, บริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบการทำงานของระบบ และการฝึกอบรม สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ และบริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบหม้อไอน้ำประเภทฟลูอิไดซ์เบด สำหรับโครงการพลังงานสะอาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top