ครม.อนุมัติมาตรการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ 5 พันลบ.ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ธนาคารออมสินดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยอนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาทในส่วนที่ธนาคารออมสินขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 30% ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารออมสิน สนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินเริ่มทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง หรือสินเชื่อนอกระบบ

“จะให้กู้รายละไม่เกิน 3 แสนบาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.99% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก) ระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่วันนี้-30 ก.ย.65” นายธนกร กล่าว

กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.ผู้เริ่มประกอบอาชีพและผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ผ่านการอบรมอาชีพช่างทุกประเภท เช่น ช่างปูน ช่างแอร์ ช่างไฟฟ้าช่างเชื่อม ช่างซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น และผู้ที่ไม่ใช่ช่าง เช่น เสริมสวยหรือตัดผมชาย คนขายของออนไลน์ เป็นต้น โดยมีใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรที่ผ่านการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน หรือเอกสารอื่นๆ ตามประเภทของอาชีพหรือมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพดังกล่าว

2.ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีสถานที่จำหน่ายแน่นอน เช่นค้าปลีก ค้าส่ง โชห่วย แฟรนไชส์ เป็นต้น โดยมีทะเบียนพาณิชย์ ทะเบียนการค้า สัญญาแฟรนไซส์ หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอื่น ๆ

3. ผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถตู้สาธารณะ รถขนส่งสินค้า รถบรรทุก โดยมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือเอกสารอื่นๆ ตามประเภทของอาชีพ

“แม้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยจะคลี่คลาย แต่ยังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งรายได้ลดลง ขาดเงินทุนสำหรับการมาเริ่มประกอบอาชีพใหม่ หรือต้องการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ครม.จึงเห็นชอบให้ธนาคารออมสิน ดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งธนาคารจะจัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงิน และยกระดับทักษะในการประกอบอาชีพ รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์การค้า และสถานที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ประมาณ 60,000 ราย” นายธนกร กล่าว



โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top