เคลียร์คำถาม “บิทคอยน์” ราคาไปต่อ หรือ ใกล้ฟองสบู่แตก ??

เป็นที่ทราบกันดีช่วงต้นปี 64 ราคาสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ได้พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สามารถทะยานทะลุ 4 หมื่นดอลลาร์เป็นครั้งแรกหรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 1,200,000 บาท และล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณของแรงขายบ้าง ทำให้ผู้ลงทุนหลายๆคนเริ่มตั้งคำถามว่าการปรับตัวขึ้นมาสูงของ Bitcoin ในรอบนี้จะเป็นภาวะฟองสบู่หรือไม่ ??

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า การปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ครั้งนี้มาจากหลายตัวแปร หนึ่งนั้นคือปริมาณ Bitcoin ที่ถูกจำกัดจากปรากฏการณ์ “Bitcoin Halving” ครั้งที่ 3 ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 12 พ.ค.63 เป็นกลไกระบบการเงินของ Bitcoin ที่เกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี เป็นลักษณะของการจำกัดซัพพลาย Bitcoin ที่ผลิตเข้ามาใหม่ลดลงครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกมีความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้ลงทุนทั่วโลกมุ่งเป้าขนเงินเข้ามาในตลาดซื้อ Bitcoin กันมากขึ้น

ยกตัวอย่างหลายบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกมีนโยบายเก็บ Bitcoin เพื่อใช้เป็นทุนสำรองของบริษัท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วยการลดการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากกังวลว่านโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่พิมพ์เงินดอลลาร์แบบไม่จำกัดจะส่งผลให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯเสี่ยงถูกด้อยค่าลงในอนาคต แตกต่างกับ Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดและเป็นประโยชน์ต่อภาคการเงินในหลายประเทศ

“การที่นักลงทุนสถาบันหันมาสนใจสะสม Bitcoin ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ตลาดของ Bitcoin ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดกว่า 8,000 สกุลเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Grayscale เข้าซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาท และ MicroStrategy เป็นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯเปลี่ยนเงินสดที่เป็นดอลลาร์มาเป็น Bitcoin แทน เช่นเดียวกับ Square ผู้ก่อตั้ง Twitter ก็เข้ามาซื้อ Bitcoin เป็นจำนวนมาก , PayPal ก็ประกาศพร้อมรับชำระเงินด้วย Bitcoin ที่มีผู้ใช้บริการกว่า 260 ล้านบัญชีและมีเครือข่าย 26 ล้านร้านค้าทั่วโลก

พร้อมกับเชื่อว่าใน 10 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนผู้เปิด “Bitcoin Wallet” เพิ่มเป็น 1,000 ล้าน Bitcoin Wallet เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้เปิด “Bitcoin Wallet” 50 ล้าน Bitcoin Wallet เป็นอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ”

นายจิรายุส กล่าว

สำหรับแนวโน้มของราคา Bitcoin เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาว่าการปรับตัวขึ้นของราคาจะไปทำจุดสูงสุดรอบนี้ที่เท่าใด แต่อ้างอิงตามสถิติทุกๆ ครั้งที่ราคาปรับฐาน ราคาจะไม่ปรับลดลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ เช่น ในรอบนี้ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาร้อนแรง ฐานคือ 3,000 ดอลลาร์ ถ้าเป็นไปตามสถิติเดิมก็คงคาดเดาได้ว่าการปรับตัวลดลงก็คงจะไม่ลงไปถึง 3,000 ดอลลาร์แน่นอน อย่างไรก็ตาม ในทางกลับหากเครือข่ายความต้องการ Bitcoin มากขึ้นและด้วยจำนวนที่จำกัดจะเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต

“Wave การฟื้นตัวของ Bitcoin รอบนี้เหมือนทุกๆ รอบ คือก็จะมีผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนักลงทุนรายบุคคลส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น ก็อยากเตือนผู้ลงทุนว่าอะไรที่ราคาขึ้นมาแรง เวลาลงก็จะแรงเหมือนกัน ไม่ควรใช้เงินร้อนมาเทรด Bitcoin เพื่อคาดหวังแค่ผลตอบแทนระยะสั้น แต่ควรใช้เงินเย็นมาลงทุน หรือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อใช้กระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน”

นายจิรายุส กล่าว

อนึ่ง ปรากฏการณ์ “Bitcoin Halving” เกิดขึ้นครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 55 Bitcoin ออกใหม่จาก 50 เหลือ 25 Bitcoin ต่อบล็อกต่อการผลิต Bitcoin ใหม่ทุกๆ 10 นาที, ครั้งที่สองเกิดขึ้นปี 59 Bitcoin ออกใหม่จาก 25 เหลือ 12.5 Bitcoin ต่อบล็อกต่อการผลิต Bitcoin ใหม่ทุกๆ 10 นาที

และ ครั้งที่สามเป็นครั้งล่าสุดคือวันที่ 12 พ.ค.63 Bitcoin ออกใหม่จาก 12.5 เหลือ 6.25 Bitcoin ต่อบล็อกต่อการผลิต Bitcoin ใหม่ทุกๆ 10 นาที ทั้งนี้ จำนวน Bitcoin ที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ยังหมุนเวียนในระบบตามปกติตามหลักกลไก “Bitcoin Halving” จะผลิตครบทั้งหมด 21 ล้านเหรียญภายในปี ค.ศ.2140 (พ.ศ.2683)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top