หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มปรับขึ้นกรอบจำกัด ราคาน้ำมันพุ่งหนุนกลุ่มพลังงาน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นต่อเนื่องน่าจะยังเป็นแรงหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงยังได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากที่รัฐบาลออกมาตรการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนยังรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการปี 63 ของกลุ่มสถาบันการเงิน และทิศทางการลงทุนจากต่างชาติหลังแรงซื้อชะลอตัวลงและมีลักษณะเลือกซื้อรายตัวมากขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวบวกลบคละกัน ทำให้คาดกว่าการปรับขึ้นของดัชนีน่าจะยังติดจุดสูงเดิมที่ 1,550 จุด โดยมองกรอบแนวต้านอยู่ในช่วง 1,550-1,554 จุด และแนวรับที่ 1,520 จุด

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มขยับขึ้นในกรอบจำกัด และน่าจะยังติดยอดสูงเดิมบริเวณ 1,550 จุด โดยตลาดหุ้นได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องและยังเป็นแรงหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ รวมถึงการที่รัฐบาลออกมาตรการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่เป็นจิตวิทยาเชิงบวก

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังรอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการปี 63 ของกลุ่มสถาบันการเงินที่จะออกมาในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงทิศทางการลงทุนจากต่างชาติ หลังเริ่มเห็นแรงซื้อที่ชะลอตัวลงและมีลักษณะเลือกซื้อเป็นรายกลุ่มรายตัวมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศในระยะสั้นยังมีทั้งเชิงบวกและลบคละกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ส่งผลสะท้อนมายังตลาดหุ้นในเอเชีย ที่เปิดมาบวกลบเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดเมื่อคืนนี้ลดลงเล็กน้อย

พร้อมทั้งให้แนวรับที่ 1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,550-1,554 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,068.69 จุด เพิ่มขึ้น 60.00 จุด หรือ +0.19% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,801.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,072.43 จุด เพิ่มขึ้น 36.00 จุด หรือ +0.28%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ขยับขึ้น 4.94 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 24.24 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 32.57 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ม.ค.) 1,539.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด (+0.22%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 918.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ม.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ม.ค.) ปิดที่ 53.21 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ม.ค.) อยู่ที่ 1.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.02/05 จับตาการเมืองสหรัฐฯ-สถานการณ์โควิดทั่วโลก ให้กรอบวันนี้ 30.00-30.15
  • ครม.เคาะแพ็กเกจเยียวยาโควิดระลอกใหม่ ผุด “เราชนะ” จ่าย 3,500 บาท 2 เดือน ครอบคลุมอาชีพอิสระ เกษตรกร 30 ล้านคน คาดใช้เงิน 2.1 แสนล้านบาท พร้อมลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 2 เดือน สศช.แจงเงินกู้เหลือ 4.69 แสนล้านบาท พอเยียวยาเศรษฐกิจ “สุพัฒนพงษ์” ส่งสัญญาณอาจกู้เพิ่มหากมีระบาดรอบใหม่
  • คลังปรับแผนกู้สู้โควิด-19 เต็มอัตราศึก 1 ล้านล้านบาท ลุยโยกกรอบกู้ตกค้างปีงบ 2563 จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท รวมแผนกู้ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 5.5 แสนล้านบาท รวมเป็น 6.26 แสนล้านบาท สแตนด์บายให้รัฐบาล แจงหากต้องการใช้ก็สามารถดำเนินการได้ทันที
  • คลังเตรียมอัดฉีดเสริมสภาพคล่องเข้าระบบอีกกว่า 6.38 แสนล้านบาท ผ่านช่องทางธนาคารของรัฐ-ธปท. ทั้งปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน)-พักชำระหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ย ด้านแบงก์ชาติ ขอความร่วมมือให้แบงก์พาณิชย์และนอนแบงก์เร่งช่วยเหลือลูกหนี้ด่วน ปรับโครงสร้างหนี้ ให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม และผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้
  • นายกรัฐมนตรี เผยยอดติดเชื้อโควิดเริ่มคงที่ คาดอีกระยะเหลือหลักสิบสั่ง อย.เร่งกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนเผยขณะนี้ยื่นแล้ว 2 ราย ประเมินความปลอดภัย คุณภาพ ความเหมาะสมกับคนไทยย้ำรัฐไม่ผูกขาด ไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรายวัน 287 ราย กรมควบคุมโรคชี้ระบาดรอบใหม่แนวโน้มชะลอตัว อัตราป่วยตายเพียง 0.1%
  • “ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ” เปิด 3 ซีนาริโอ คาดการณ์สถานการณ์ปี 64 เลวร้ายสุดติดลบ 10% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี “อธิป พีชานนท์” ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง ชี้รีสตาร์ทอสังหาฯ รอครึ่งปีหลังเหตุเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น โควิดรอบ 2 ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง
  • ครม.เห็นชอบกรอบงบปี 65 แผนคมนาคมลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 27 โครงการ วงเงินรวม 48,620 ล้านบาท “ศักดิ์สยาม” สั่งกรมทางหลวง-ทางหลวงชนบทเร่งออกแบบรายละเอียดเตรียมประมูล
  • “เฟทโก้” เล็งชงดึงกองทุนเอสเอสเอฟเอ็กซ์กลับมา เตรียมหารือสมาชิก-ก.ล.ต. ก่อนเสนอรมว.คลัง หลังนายกสมาคมบลจ.เผยยอดซื้อปี 63 เพียง 1 หมื่นล้านบาท หวังรัฐไฟเขียวนำเอสเอสเอฟกลับมาต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งด้านบลจ.กสิกรไทย เสนอ แยกออกมาจาก “อาร์เอ็มเอฟ” ลดจำนวนปีในการถือครองเชื่อช่วยเพิ่มยอดการลงทุน
  • ก.ล.ต.ประสานไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อขอให้พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (free float)ของบริษัทจดทะเบียน ให้สามารถซื้อขายได้อย่างคล่องตัวในราคาที่เหมาะสมและพิจารณาทบทวนมาตรการขึ้นเครื่องหมายเตือนผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มี free float ต่ำ รวมถึงมาตรการอื่นใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การค้า การส่งออกของไทยในอนาคต อาจได้รับผลกระทบจากยุทธศาสตร์การพัฒนาแบบวงจรคู่ขนานของจีน ซึ่งเป็นนโยบายหลักในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี (ปี 64-68) เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศและลดพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพราะยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะทำให้จีนมุ่งขยายตลาดในประเทศจากเดิมที่เน้นผลิตเพื่อส่งออก ลดพึ่งพาการนำเข้า และหันมาผลิตเองมากขึ้นโดยอุตสาหกรรมที่อาจหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น ได้แก่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น สารกึ่งตัวนำ วงจรรวม,อุตสาหกรรมพลังงาน โดยใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และอุตสาหกรรมอาหาร

หุ้นเด่นวันนี้

  • RS (เคทีบีเอสที) แนะ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท ประเมินกำไรสุทธิ 4Q63 ที่ 148 ล้านบาท (+125% YoY, +13% QoQ) กำไรโตโดดเด่น YoY จาก 1) รายได้รวมขยายตัว +11% YoY หนุนโดยรายได้ commerce ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ และ 2) Gross Profit Margin (GPM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 51.6% จาก 4Q63 ที่ 41.6% จากสัดส่วนรายได้ธุรกิจ commerce ที่เพิ่มขึ้น ด้านกำไรที่ขยายตัว QoQ จากรายได้ในทุกธุรกิจที่ขยายตัว ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ลง 5% อยู่ที่ 574 ล้านบาท (+58% YoY) เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของรายได้ media และ music & other ใน 4Q63 ที่ช้ากว่าคาด แต่คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 751 ล้านบาท (+31% YoY) จากรายได้ธุรกิจ commerce ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง, และรายได้ media และ music & other ที่ฟื้นตัว ราคาหุ้น underperform SET -19% ใน 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มองว่าราคาปัจจุบันน่าสนใจ
  • AEONTS (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230 บาท หลังประกาศกำไรไตรมาส 3 ปี 63/64 (ก.ย.-พ.ย.63) ออกมาดีกว่าคาด +4% Q-Q, +2% Y-Y จากสำรอง ECL ที่ลดลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ลดลง
  • TOP (กรุงศรี) แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 64 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q63 โตเด่นรับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำ New high ในรอบ 10 เดือน หนุนกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น คาด TOP จะมีกำไรมากสุดของกลุ่มเพราะมีกำลังการผลิตสูงสุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top