สัมภาษณ์พิเศษ: CRD มองหุ้นพุ่งรับคาดหวังปีนี้พลิกกำไรรับก่อสร้างฟื้น-ปัดลือลงทุนโรงไฟฟ้า

หุ้น CRD ปิดเที่ยงวันนี้พุ่ง 21.28% มาอยู่ที่ 0.57 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.4 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.61 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.50 บาท

นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น CRD ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ อาจจะเป็นความคาดหวังเรื่องผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ที่จะพลิกกลับมาเป็นบวก เนื่องจากมีโอกาสที่บริษัทจะเข้ามาไปรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น และรับผลดีจากการขยายธุรกิจกำจัดขยะอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่างานกำจัดขยะของบริษัท เน้นที่งานเก็บขยะให้กับเทศบาลอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้า และยังไม่มีแผนลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าขยะแต่อย่างใด

“อาจจะมาจากความคาดหวังของนักลงทุนในเรื่องโอกาสพลิกกลับมามีกำไร สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัทที่มองไว้ แม้ว่าจะมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการลงทุนโรงไฟฟ้า แต่บริษัทยืนยันว่าไม่ได้มีแผนการลงทุนดังกล่าว ธุรกิจที่เสริมเข้ามาเป็นเพียงรับจ้างเก็บขยะให้กับเทศบาลท้องถิ่นเท่านั้น ไม่ได้เก็บขยะเพื่อต่อยอดไปลงทุนธุรกิจไฟฟ้าเองหรือร่วมกับใครแต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้มีการขายหุ้นของบริษัทให้กับคนอื่น”

นายธีรพัฒน์ กล่าว

นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าในปีนี้ผลงานจะพลิกกับมามีกำไรสุทธิได้ หลังจากเกิดการขาดทุนต่อเนื่องในปี 62-63 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าควบรวมบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการขยะเข้ามาตั้งแต่ปี 63 จากก่อนหน้านี้ที่แยกบริษัทดังกล่าวออกไปเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจก่อนเข้าตลาดหุ้น ซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มเติมจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

ในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการขยะ หรือการรับเก็บขยะให้กับหน่วยงานเทศบาลท้องถิ่นนั้น ล่าสุดบริษัทได้ยื่นซองต่อสัญญางานเก็บขยะให้กับเทศบาลเชียงใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท คาดหวังว่าจะได้งานดังกล่าวเข้ามา เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้ทำงานจัดเก็บขยะให้กับเทศบาลเชียงใหม่อยู่แล้ว และสัญญาปัจจุบันใกล้สิ้นสุดแล้วจึงต้องยื่นเสนอราคาเพื่อต่อสัญญาใหม่ โดยหากได้รับงานดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่ช่วงปลายปี 64

ปัจจุบันงานเก็บขยะที่บริษัทรับงานอยู่นั้นมีอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ ลำปาง เชียงใหม่ พิษณุโลก และนนทบุรี ในอำเภอปากเกร็ด ซึ่งงานเก็บขยะที่ปากเกร็ดมีมูลค่างานค่อนข้างสูงถึง 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมประกอบรถเก็บขยะเพื่อเริ่มเข้าทำงานในเดือน เม.ย.64 จากนั้นจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตามสัญญาที่กำหนดไว้

“งานเก็บขยะเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปรับงานมากขึ้น หน่วยงานท้องถิ่นเริ่มหันมาจ้างเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และในเรื่องของงบประมาณที่หน่วยงานท้องถิ่นต้องใช้ในการเก็บขยะเขาก็สามารถควบคุมได้ เพราะการว่าจ้างขึ้นอยู่กับมูลค่าสัญญา ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นไม่ต้องมีการจ้างคนเพิ่มเพื่อมาดูแลงานในส่วนนี้ ก็จ้างให้เอกชนที่มีความเชี่ยวชาญมาทำแทน แต่ยืนยันว่าเราทำงานเกี่ยวกับการเก็บขยะไปกำจัดเท่านั้น ไม่เก็บขยะไปทำโรงไฟฟ้า หรือมีการลงทุนโรงไฟฟ้าใดๆ”

นายธีรพฒน์ กล่าว

ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทมองว่าในปี 64 ปริมาณงานจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากในปีที่แล้วโครงการต่างๆ เลื่อนออกมาเป็นปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจโรงแรมเริ่มกลับมาหาผู้รับเหมาเพื่อลงทุนก่อสร้างหรือปรับปรุงโรงแรมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมตัวรองรับแนวโน้มในระยะต่อไปที่เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลายลงชัดเจนแล้ว

ล่าสุดบริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงแรมเข้ามาแล้ว 3 โครงการ มูลค่ารวม 300-500 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 พันล้านบาท จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 700 ล้านบาท และยังมีงานก่อสร้างอื่นๆที่บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการติดตามอีกมูลค่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังได้รับงานไม่ต่ำกว่า 50% ของงานที่ติดตามอยู่ อีกทั้งคาดว่าจะยังมีงานใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสที่บริษัทคว้างานใหม่ๆเข้ามา

สำหรับรายได้ในปี 64 บริษัทตั้งเป้าเติบโต 20% ฟื้นตัวขึ้นจากปี 63 ที่รายได้ปรับลดลงไปมาก เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ทำให้การส่งมอบงานเกิดความล่าช้า และงานใหม่ๆถูกเลื่อนออกไป และในปี 64 การฟื้นตัวของรายได้จะได้ธุรกิจบริหารจัดการขยะเข้ามาเสริม รวมกับการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog งานก่อสร้างราว 300-400 ล้านบาท ช่วยหนุนการฟื้นตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top