หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นรีบาวด์ตามตลาดภูมิภาค

นักวิเคราะห์ฯลุ้นตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ได้ตามตลาดภูมิภาคเช้านี้ที่ฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่ สวนทางตลาดสหรัฐฯ-ตลาดยุโรปร่วงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หากไม่มีปัจจัยลบมากระทบเพิ่มเชื่อดัชนีฯกลับมาดีดตัวบวกหลังร่วงไปราว 100 จุดและยังมีแค่รายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิเท่านั้น แนะจับตาการเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์-สถานการณ์โควิดในประเทศ-ประชุม กนง.จะปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 64 อย่างไร-เกาะติด บจ.ทยอยประกาศงบ พร้อมให้แนวรับ 1455-1,450 แนวต้าน 1,478-1,485 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ในกรอบแคบในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นมา สวนทางตลาดสหรัฐฯ และตลาดยุโรปที่ปรับตัวลงไปมากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งหากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบเพิ่มเติมก็เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยจะรีบาวด์ขึ้นมาได้หลังจากปรับตัวลงไปราว 100 จุด และมีแค่นักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่เป็นผู้ซื้อสุทธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามการเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์ และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ รวมถึงการคลายล็อกดาวน์ของภาครัฐ

รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 3 ก.พ.คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 64 อย่างไรหลังจากเผชิญกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ตลาดได้ตอบรับไปบ้างแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

และในสัปดาห์หน้าให้ติดตามการปรับน้ำหนักของ MSCI Quarterly จะเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงการวัคซีนโควิด-19 และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 4/63 และงวดปี 63

พร้อมให้แนวรับ 1455-1,450 จุด ส่วนแนวต้าน 1,478-1,485 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,982.62 จุด ร่วงลง 620.74 จุด (-2.03%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,714.24 จุด ร่วงลง 73.14 จุด (-1.93%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,070.69 จุด ร่วงลง 266.46 จุด (-2.00%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.90 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 14.32 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 174.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ม.ค.) 1,466.98 จุด ลดลง 1.53 จุด (-0.10%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,387.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ม.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ม.ค.) ปิดที่ 52.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ม.ค.) อยู่ที่ 1.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 29.92 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังดอลล์อ่อนจากขาดปัจจัยใหม่หนุน
  • สรท.มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นดันส่งออกไทย สินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ ถุงมือยาง อาหารแปรรูปไปได้ดี แนะปรับแผนรับนโยบายใหม่ “โจ ไบเดน” สนค.คาดส่งออกไปอเมริกาปีนี้โต 6.2% ห่วง “Buy American” กระทบเหล็ก อลูมิเนียม “ทูตพาณิชย์” คาดวัคซีน 100 ล้านโดส ฟื้นเชื่อมั่นการบริโภคการท่องเที่ยวในสหรัฐครึ่งปีหลัง จับตาแผนอัดฉีด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของผู้นำใหม่คุมโควิด เพิ่มฉีดวัคซีน-แก้วิกฤติเศรษฐกิจ
  • รฟท.เร่งเดินหน้าไฮสปีดเทรนไทย-จีน 3.55 หมื่นล้าน มั่นใจภายใน มี.ค.64 สามารถเซ็นสร้างได้ 4 สัญญา ด้านบอร์ดรถไฟเคาะขยายเวลาสร้างรถไฟสายสีแดงสัญญา 3 ออกไปอีก 223 วัน หลังงานซ่อมบำรุงสัญญา 1 อืด
  • สรรพสามิต เตรียมสรุปโครงสร้างภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเสนอคลัง ระบุหลักการต้องสนับสนุนและเอื้อให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมรถอีวีในประเทศ ยันไม่ห่วงกระทบภาษีน้ำมัน ชี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็น 10 ปี พร้อมเร่งพิจารณารีดภาษีเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ 5 ล้านคน สั่ง ททท.จัดงานใหญ่ 7 จังหวัด หนุนไทยเที่ยวไทย อ้อนรัฐขอวัคซีนฉีดภาคท่องเที่ยวก่อนสร้างความมั่นใจ
  • เสนอนายกรัฐมนตรีช่วยจ่ายค่าแรงลูกจ้างธุรกิจท่องเที่ยว 2 เดือน เดือนละ 7,500 บาท รวม 4 แสนคน วงเงิน 6,000 ล้านบาท รมว.ท่องเที่ยว เผยให้มากกว่านี้คงไม่มีเงิน เตรียมชงฉีดวัคซีนให้ด่านหน้าท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูงก่อน เช่น พนักงานโรงแรม ร้านอาหาร คนขับรถแท็กซี่ หมอนวด พนักงานสปา
  • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้สำรวจ และรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นเกษตรกรปี 2563 พบว่า มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปี 2563 จะเป็นปีที่ประสบปัญหาหลายด้าน ต่อเนื่อง ทั้งสงครามการค้า การถดถอยของเศรษฐกิจโลก และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มระบาดในเดือนธันวาคม 2562 และส่งผลชัดเจนต่อไทย ในช่วง 4 เดือนของปี 2563

หุ้นเด่นวันนี้

  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 20 บาท คาดกำไร Q4/63 -27% Q-Q, +25% Y-Y จากรายได้ประกันสังคมที่แกร่ง รวมถึงการตรวจเชื้อโควิด-19 และ ASQ ที่ยังสูงโดยเฉพาะจากการระบาดระลอกใหม่ หนุนทั้งปี 2563 คาด +9% Y-Y ขณะที่ปี 2564 คาดยัง +9% Y-Y แม้จะมีโรงพยาบาลเปิดใหม่ 3 แห่ง ราคาหุ้นยัง Laggard และมีโอกาส Outperform
  • CHG (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 3.0 บาท คาดกำไร Q4/63 โตแรง yoy เพราะมีรายได้จาก ASQ มากขึ้น และไม่มีการกลับรายการจากประกันสังคม และยังมี sentiment บวกหากภาครัฐอนุญาติให้ รพ.เอกชน นำเข้าวัคซีนได้
  • KBANK (เอเอสแอล) “ซื้อ”เป้า 139 บาท จากแนวโน้มการตั้ง Credit cost ที่ลดลง ตามการบริหารความเสี่ยงที่ทำได้ดี คาดกำไรสุทธิปีนี้เท่ากับ 3.44 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 16.6%YoY และจะสามารถกลับไปอยู่ในระดับ pre-โควิด ได้ในปี 2565 ทั้งนี้ประเมินจะจ่ายปันผลงวด 2563 ที่ 3.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div. Yield 2.8%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 ก.พ. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top