หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลง เจอแรงกดดัน Bond Yield สหรัฐฯพุ่ง-การเมืองในปท.

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแต่ไม่มาก ชดเชยช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการไปแล้วตลาดหุ้นทั่วโลกต่างร่วงกันทั่วหน้า แม้เช้านี้ตลาดภูมิภาคจะกลับมาแกว่งบวกเล็กน้อยหลังร่วงแรง รับแรงกดดันจาก Bond Yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯขึ้นมา 1.4% แล้ว-ชุมนุมการเมืองในประเทศกดดัน-การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่แน่นอน กดดัน Fund Flow ในเชิงลบ และวันนี้หุ้น PTTEP ขึ้น XD เพื่อจ่ายปันผลกดดันดัชนีฯ 1 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,485-1,475 แนวต้าน 1,505-1,510 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงก่อนแต่ไม่มาก เพื่อชดเชยช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการไปแล้วตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลงกัน โดยดาวโจนส์ได้ปรับตัวลง 1,000 จุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมา(พฤหัส-ศุกร์) และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ปรับตัวลง 2-3% แต่เช้านี้ตลาดต่างประเทศต่างรีบาวด์ขึ้นมาได้แล้ว โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็กลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อยหลังจากร่วงแรง

ทั้งนี้ รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯอายุ 10 ปี ได้ปรับตัวขึ้นมา 1.4% แล้ว และปัจจัยการเมืองในประเทศก็กดดันจากที่เริ่มมีการชุมนุมทางการเมืองถี่ขึ้น อีกทั้งการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญยังมีความไม่แน่นอน ทำให้กดดัน Fund Flow ออกมาในเชิงลบ รวมทั้งวันนี้หุ้น PTTEP จะขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งจะกดดันดัชนีฯราว 1 จุด

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทั่วโลกที่จะทยอยประกาศออกมา, การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นในวันที่ 3-4 มี.ค.นี้, ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,485-1,475 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505-1,510 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,932.37 จุด ลดลง 469.64 จุด (-1.50%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,811.15 จุด ลดลง 18.19 จุด (-0.48%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,192.34 จุด เพิ่มขึ้น 72.91 จุด (+0.56%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 22.4 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 453.44 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 477.68 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.พ.)1,496.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด (+0.38%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,522.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.พ.) ปิดที่ 61,50 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.พ.) อยู่ที่ 2.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.36 แนวโน้มอ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งหนุนดอลล์แข็ง
  • ปูพรมฉีดวัคซีนโควิดขั้นต่ำ 5 ล้านโดสให้พนักงานโรงแรม-คนในพื้นที่ 5 จังหวัด ท่องเที่ยว “ภูเก็ต-ชลบุรี-สุราษฎร์ฯ-เชียงใหม่-กระบี่” ครอบคลุมอย่างน้อย 2.5 ล้านคน ภายในไตรมาสที่ 3 และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าแบบไม่ต้องกักตัวภายในไตรมาส 4
  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถึงการออกมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต ซึ่ง สธ.อยู่ระหว่างติดตามประกาศมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลก เพื่อออกมาตรการให้สอดรับกับมาตรฐานของไทย ตั้งเป้าหมายฟื้นความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประเมินว่าปีนี้ หากไทยมีวัคซีนพาสปอร์ต หรือแนวทางที่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยได้สะดวก ไม่กักตัวจะทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน
  • สนค.ลุยทำแผนจุดยืนด้านการค้า-การส่งออกและทิศทางธุรกิจของไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 หวังช่วยสร้างโอกาสให้ประเทศ พร้อมถกภาครัฐ-เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินเครื่องจัดทำยุทธศาสตร์การค้าไทย 5 ปี
  • นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ รวมถึงศึกษาข้อจำกัดในเรื่องวินัยการเงินการคลังว่าสามารถผ่อนปรนได้หรือไม่ หากจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมารวดเร็ว ซึ่งเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ก็อาจกลับมาใช้กรอบวินัยการเงินการคลังตามแนวทางเดิม
  • นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานของทูตพาณิชย์ในการผลักดันการส่งออกปี 2564 จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ 1.การผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวทั้งรายประเทศและ รายสินค้า 2.การเพิ่มจำนวนผู้นำเข้าร่วมกิจกรรมของกรม ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สินค้าประเภทเกษตรและอาหารเป้าหมายให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และ 3.การเพิ่มจำนวนกิจกรรมที่ร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อเร่งรัดการส่งออกในภาพรวมของประเทศให้เติบโต 4% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

หุ้นเด่นวันนี้

  • CRC (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36.00 ธุรกิจห้างสรรพสินค้ามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อผู้คนมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ในไทยและอิตาลี (CRC มีห้างสรรพสินค้าที่นั่น) โดยเฉลี่ยยังลดลงพร้อมกับการกระจายวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรเฉลี่ยของ CRC ปี 2563-2564 ที่ 368 ลบ. และ 5.3 พัน ลบ. เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564
  • CHG (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”เป้า 2.92 บาท กำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 877 ลบ. ขยายตัวแรง 24.30%YoY รับอานิสงค์โครงการประกันสังคมปรับงบประมาณขึ้น นอกจากนี้ Margin ยังปรับตัวดีขึ้นจาก Chularat 304 inter และ RPC โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 และ ปี 65 ขึ้นมาอยู่ที่ 985 ลบ. (+12.61%YoY) และ 1,065 ลบ.(+10.64%YoY) ตามลำดับ อนึ่งทาง CHG ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในช่วง H2/63 ที่ 0.03 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div. Yield ที่ราว 1.15% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 6 พ.ค. 2564
  • EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 6 บาท กำไรสุทธิ Q4/63 +91% Q-Q, +142% Y-Y ดีกว่าคาดมากถึง 40% จาก Margin ที่แข็งแกร่ง หนุนทั้งปี 2563 -55% Y-Y อีกทั้งระยะสั้น Q1/64 คาดอ่อนตัวจากการล็อกดาวน์สมุทรสาคร แต่แนวโน้มปี 2564 คาดฟื้น +63% Y-Y และอาจมี Upside

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top