หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มซิกแซกขึ้น สัญญาณดีจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในปท.แผ่วลง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งซิกแซกขึ้นได้ หลังมีสัญญาณดีจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศแผ่วลง แม้จะยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเงินดอลลาร์ฯอ่อนค่าช่วยหนุนสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยที่มีน้ำหนักกลุ่มนี้สูง และงบฯกลุ่มแบงก์ที่ออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าตลาดคาด น่าจะหนุนแรงเก็งกำไรในระยะสั้นได้ แต่เมื่อดัชนีฯขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,580-1,585 ให้ระวังแรงขายทำกำไร ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,570-1,565 จุด ด้านตลาดภูมิภาคติดลบเล็กน้อย รอดูการประชุม ECB ใน 22 เม.ย.นี้ และปลายสัปดาห์ก็มีตัวเลข PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการทั่วโลกออกมา ส่วนบ้านเราติดตามผลประชุมครม.วันนี้ ลุ้นขยายเวลาโครงการเราชนะ และเกาะติดงบฯทั้งของสหรัฐฯ-ไทยที่ทยอยออกมา

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งซิกแซกขึ้นได้ หลังจากที่มีสัญญาดีจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่แผ่วลง แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อ่อนค่า น่าจะช่วยหนุนสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักกลุ่มนี้สูง

นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่ประกาศออกมาแล้วส่วนใหญ่ดีกว่าตลาดคาด น่าจะช่วยหนุนแรงเก็งกำไรได้ในระยะสั้น อย่าง TISCO KTC งบฯออกมาดีกว่าคาด ส่วน KKP งบฯออกมาตามคาด อย่างไรก็ดี เมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้นไปทดสอบแถวบริเวณแนวต้าน 1,580-1,585 จุด ก็ให้ระวังแรงขายทำกำไรออกมาด้วย ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,570-1,565 จุด

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบเล็กน้อย ในช่วงรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ และในช่วงปลายสัปดาห์ให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการที่จะทยอยประกาศออกมาของทั่วโลก

ส่วนบ้านเราวันนี้ให้ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีมาตรการเยียวยาออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ก็มีกระแสข่าวว่าจะมีการขยายโครงการเราชนะไปอีก 1 เดือน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีผลมาก ถ้าไม่มีวงเงินใหม่เข้ามา อีกทั้งช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่จะต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งของสหรัฐฯ และไทยด้วย

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,077.63 จุด ลดลง 123.04 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,163.26 จุด ลดลง 22.21 จุด (-0.53%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,914.77 จุด ลดลง 137.58 จุด (-0.98%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.4 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 329.50 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 143.35 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 เม.ย.)1,574.91 จุด เพิ่มขึ้น 25.95 จุด (+1.68%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,111.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 เม.ย.) ปิด 63.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 เม.ย.) อยู่ที่ 2.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.22/24 ทรงตัวจากวานนี้ คาดกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 31.10-31.35
  • รัฐบาลเตรียมคลอดเยียวยาโควิดรอบใหม่ “คลัง” ชง ครม.เคาะแนวทางบรรเทาผลกระทบประชาชน เล็งต่อ “เราชนะ” เพิ่ม 1-2 เดือน สำนักงบฯ เผยงบกลาง-งบเงินกู้ใช้ดูแลโควิดได้ 2.6 แสนล้าน ไม่ปิดทางกู้เพิ่ม ส.อ.ท.พร้อมผนึกรัฐจัดหากระจายวัคซีน
  • “มอร์นิ่งสตาร์” เผยโควิดระบาดไตรมาส 1 ปีนี้คนไทยแห่ลงทุนนอก ผ่านกองทุนหุ้นทะลักกว่า 6.3 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 182.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน “หุ้นจีน-หุ้นโลก-หุ้นเฮลธ์แคร์-หุ้นเทค” มาแรง หนุนเงินไหลเข้ากองทุนสุทธิ 3.3 หมื่นล้าน แนะธีมจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงถือยาว 3 ปีขึ้นไป
  • ธปท.แจง 26 เม.ย. ดีเดย์เปิดให้สถาบันการเงินยื่นคำขอกู้เงินตามมาตรการสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ หวังเร่งกระจายเม็ดเงินช่วยเหลือลูกหนี้โดยเร็ว พร้อมประเมินผลกระทบโควิด-19 ระลอกเมษายน ก่อนออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม
  • รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ในปีนี้สินค้าเกษตรไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรายงานว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทยไปตลาดโลกเดือน ม.ค.-ก.พ.ปี 64 เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผัก ผลไม้ ขยายตัวมากที่สุด คาดว่าทั้งปี 64 มูลค่าส่งออกผัก ผลไม้ จะเพิ่ม 1.9-2.9% ปศุสัตว์เพิ่ม 1-2% ประมงเพิ่ม 0.1-1.1% บริการทางการเกษตรเพิ่ม 0.2-1.2% และป่าไม้เพิ่ม 1-2% แต่หากเจาะลึกส่งออกไป 18 ประเทศที่ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) พบว่าปี 63 สินค้าเกษตรส่งออกไป 18 ประเทศ 14,876 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่ม 2.3% เทียบกับปี 62 คิดเป็น 71% ของการส่งออกสินค้าเกษตรไปโลก

หุ้นเด่นวันนี้

  • JMT (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 52.50 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/64 เดินหน้าทำ All time high ยอดเก็บหนี้เพิ่มขึ้น และบางส่วนตัดต้นทุนหมดแล้ว มี Sentiment บวกจากโอกาสเข้า Bid หนี้เสียของ Citi
  • SCGP (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้าเชิงกลยุทธ์ 52 บาท ราคาหุ้นมีเสถียรภาพ แกร่งรับทุกสถานการณ์ล้อไปกับดีมานด์สินค้ากลุ่ม Packaging ที่เติบโตต่อเนื่อง ด้านลูกค้าของ SCGP ในอุตสาหกรรม E-Commerce, อาหาร-เครื่องดื่ม ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ เป็นบวกต่อรายได้ของ SCGP พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 2564-2565 ที่ 7.9 พันลบ. และ 9 พันลบ. +23%YoY, 14%YoY ตามลำดับ
  • TISCO (ทรีนีตี้) “ซื้อ”เป้า 106 บาท อิง PBV 1.9 เท่า เมื่อบวกกับปันผลจากกำไรปี 2563 อีก 6.3 บาท (XD 29 เม.ย. 64) คิดเป็น Div. Yield อีกราว 6.4% ทำให้ Upside รวมยังน่าจูงใจ ทั้งนี้ ได้ประกาศกำไรสุทธิ Q1/64 ที่ 1,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%QoQ และ 19%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 4% พร้อมคาดปี 64 กำไรฟื้นตัวราว 9%YoY มองธนาคารยังรับมือจากการระบาดของโควิด-19 ได้ จากสำรองส่วนเกินที่มีอยู่สูงมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top