สธ.แจง 3 ข้อเท็จจริงไขข้อสงสัยปมจัดหาวัคซีนไฟเซอร์

โดยกรณีแรก คือ บริษัท ไฟเซอร์ เคยเสนอขายวัคซีนให้กับประเทศไทยจำนวน 13 ล้านโดส ซึ่งบริษัทฯ แจ้งว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลที่ทำเสนอให้กับบริษัทแม่ เพื่อเตรียมนำมาใช้ในการเจรจากับกระทรวงสาธารณสุขของไทย ซึ่งมาจากการประมาณการของบริษัทฯ ที่อ้างอิงจากแผนการจัดหาวัคซีนเดิมในปี 2563 ที่จะมีการเจรจาซื้อตรงกับผู้ผลิตให้ครอบคลุม 10% ของจำนวนประชากร หรือราว 6.5 ล้านคน คนละ 2 โดส จึงเท่ากับ 13 ล้านโดส ซึ่งทางบริษัทแม่จะได้พิจารณาว่าจะสามารถจัดสรรให้ได้จำนวนเท่าไหร่

กรณีที่สองคือ การซื้อวัคซีนจากบริษัท ไฟเซอร์ ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนมาให้ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ซึ่งไม่มีข้อเสนอดังกล่าว การซื้อวัคซีนจะต้องจ่ายเงินจองตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา และในสถานการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกยังต้องแย่งชิงวัคซีนกันคงไม่มีบริษัทผู้ผลิตรายใดให้วัคซีนมาใช้ก่อนโดยที่ยังไม่จ่ายเงิน

และกรณีที่สามคือ บริษัท ไฟเซอร์ เสนอขายวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยถึง 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้ามานำเสนอผลการวิจัยวัคซีนในระยะต่างๆ และผลการใช้จริงในต่างประเทศให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรครับทราบเป็นระยะ ไม่เคยมีการปฎิเสธการเข้าพบ ซึ่งผลการศึกษาวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ มีการพัฒนาไปเป็นระยะ และมีข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น การจัดเก็บและการขนส่งวัคซีนทำได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องใช้ตู้แช่ -70องศาเซลเซียส และมีข้อมูลใหม่ว่าสามารถใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ รวมทั้งเงื่อนไขที่บริษัทฯ สามารถส่งวัคซีนให้ไทยได้ภายในปี 2564 จึงมีการเจรจาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อจองซื้อวัคซีนจากบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายจะนำวัคซีนมาใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดหากเปิดเรียน และใช้ในกลุ่มประชากรอื่นๆ ได้ด้วย

ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายจะจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส เพื่อมาฉีดให้กับประชากรจำนวน 50 ล้านคนภายในปีนี้

ส่วนการผลิตวัคซีนที่ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีของบริษัท แอสตร้าเซนเนกา โดยบริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ สามารถผลิตได้แล้ว 2 รุ่นแล้ว และส่งไปตรวจสอบคุณภาพที่ห้องปฎิบัติการกลางของบริษัทฯ ในสกอตแลนด์และสหรัฐอเมริกา ล่าสุดผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพแล้ว หลังจากนี้จะมีขั้นตอนการส่งกลับมาบรรจุและขั้นตอนอื่นๆ ก่อนส่งมอบ ส่วนวัคซีนรุ่นการผลิตอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างส่งตรวจสอบคุณภาพวัคซีน

“ขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน และจะสามารถฉีดให้กับประชาชนตามแผนที่วางไว้ช่วงต้นเดือนมิถุนายน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น” นพ.นคร กล่าว

ล่าสุดได้มีการวีดวัคซีนไปแล้ว 1,227,032 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 1,012,031 ราย และเข็มสอง 214644 ราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top