ALT เผย Q1/64 ขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงหลังรายได้บริการโครงข่ายฟื้น

นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 213.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จาก 161.75 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 63 มาจากรายได้การให้บริการโครงข่าย เพิ่มขึ้น 50.6% เป็น 66.21ล้านบาท จาก 43.96 ล้านบาท นับเป็นไตรมาสแรกที่รายได้จากการให้บริการโครงข่ายสูงกว่าจุดคุ้มทุน ถือเป็นสัญญาณบวกอย่างชัดเจน และยังมีรายได้งานก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 40.55 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.7%

ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ขาดทุน 35.10 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 เป็นกำไร 8.18 ล้านบาทในไตรมาส 1/64

แม้ผลการดำเนินการในไตรมาส 1/64 เป็นยอดขาดทุนสุทธิ 32.09 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 188.17 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 แต่หากไม่นับรวมรายการพิเศษ คือเงินชดเชยค่าเสียหายจากกรณีพิพาท 369.62 ล้านบาทในรายได้อื่นของไตรมาส 1/63 ผลการดำเนินงานปกติก่อนภาษีของไตรมาส 1/63 จะเป็นขาดทุนประมาณ 119.80 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/64 ซึ่งมีขาดทุนก่อนภาษีจำนวน 31.71 ล้านบาท จึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น 88 ล้านบาท หรือประมาณ 73%

ขณะที่สิ้นไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) จำนวน1,088 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดในมือจำนวน 268 ล้านบาท

นายสมบุญ กล่าวว่า กลยุทธการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 64 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและพลังงานทดแทน แก่ภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มคุณภาพบริการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น

สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ในส่วนโครงข่ายไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง บริษัทฯ ได้ลงทุนวางโครงข่ายหลัก ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศแล้ว รวมถึงได้สร้างสถานีฐาน เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายของผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางโครงข่ายสื่อสารในอาเชียน (Asian Digital Hub)

“ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มียอดการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเมียนมาร์ ผลประกอบการของบริษัทย่อย คือ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด ที่เป็นผู้ให้บริการแบนด์วิดท์แก่ลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน มีรายได้สูงขึ้น” นายสมบุญกล่าว

ส่วนธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ บริษัทได้ให้บริการวางระบบและติดตั้งโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของประเทศ จากความสำเร็จของโครงการนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐจะขยายโครงการให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วทั้งประเทศ จึงถือเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง

ธุรกิจเมืองอัจฉริยะ บริษัทฯ ได้มีการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน เพื่อให้เมืองมีความสวยงามและปลอดภัย โดยบริษัทจะมีการติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ (Smart Pole) ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเพื่อสังเกตการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่และสุขอนามัยของประชาชน ทั้งในเรื่องมลพิษ และฝุ่นละออง การจราจร รวมถึงเป็นจุดชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และยังได้พัฒนาซอฟท์แวร์เพื่ออ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ ใช้สำหรับการเก็บค่าบริการ ในปัจจุบัน ได้มีการนำไปปรับใช้กับการเก็บค่าบริการที่จอดรถ ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top