กทม.กำชับทุกโรงเรียนที่จะเปิดรับนร.ใหม่ปี 64 ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ศบค.

นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เปิดเผยว่า จากมติ ศบค.ที่อนุญาตให้โรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2564 ภายในเดือน พ.ค.64 นี้ได้นั้น

ที่ประชุม ศบค.กทม. ได้ขอให้ทุกสำนักงานเขต ประสานและให้คำแนะนำโรงเรียนในพื้นที่ที่จะมีการสอบคัดเลือก การจับฉลาก การรายงานตัว และการมอบตัวนักเรียนใหม่ดังกล่าว ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ครบถ้วน เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดให้มากที่สุด

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ทุกเขตสำรวจที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่ โดยเฉพาะที่พักที่มีแรงงานต่างด้าว เพื่อประสานสำนักอนามัยตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ตลอดจนสำรวจบริษัทผู้ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call center) หรือบริษัทที่มีแผนก Call center ของตัวเองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แต่ละสำนักงานเขต เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาทิ การปรับปรุงระบบระบายอากาศ ระยะห่างระว่างผู้ปฏิบัติงาน การสวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากที่พักคนงานก่อสร้าง และผู้ปฏิบัติงานในคอลเซ็นเตอร์ เป็นกลุ่มก้อน (Cluster) สำคัญที่พบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นจำนวนมาก

สำหรับปัญหาขยะติดเชื้อโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่ปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่จะต้องกักกันตัวเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือน เม.ย. 64 มีขยะติดเชื้อรวมจำนวน 15.41 ตัน เดือน พ.ค.64 ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค. มีปริมาณขยะติดเชื้อมากถึง 21.85 ตัน จึงขอให้สำนักงานเขตประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ต้องกักตัวเองที่บ้าน ทิ้งขยะติดเชื้อ หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี โดยแยกทิ้งจากขยะทั่วไป และขอให้สำนักงานเขตจัดเก็บและรวบรวมไว้ในจุดที่นัดหมายกับสำนักสิ่งแวดล้อม เพื่อสำนักสิ่งแวดล้อมจะแจ้งให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด จัดเก็บและนำไปทำลายตามขั้นตอนกระบวนการกำจัดขยะติดเชื้อเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19

สำหรับแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน มี 2 กรณี ได้แก่ 1.การให้บริการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานที่หรือชุมชนต่างๆ ที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือ Cluster ใหญ่ เช่น ตลาดบางแค ซึ่งได้ยุติแล้ว และชุมชนในพื้นที่เขตคลองเตย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินงาน และ 2. การให้บริการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงการติดเชื้อ เช่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เป็นต้น

สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้รับฟังแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ที่ประสงค์รับการฉีดวัคซีนจะต้องลงทะเบียนในไลน์ Official Account “หมอพร้อม” หรือแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ซึ่งเขตอาจจะให้คำแนะนำ หรืออำนวยความสะดวกประชาชนในการลงทะเบียน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top