สธ. ห่วงปชช.ป่วยไข้หวัดใหญ่ช่วงอากาศเปลี่ยน แนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด”

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในช่วงนี้หลายพื้นที่ทั่วประเทศเปลี่ยนแปลงร้อนสลับเย็น ประชาชนจึงควรดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก ควรระมัดระวังโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเป็นพิเศษ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-14 ก.พ. 65 พบผู้ป่วย 565 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยพบมากที่สุดในเด็กเล็กอายุ 1 ปี รองลงมา คือ อายุ 15-24 ปี และ 25-34 ปี โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรก คือ เชียงราย นราธิวาส พิษณุโลก สุโขทัย และศรีสะเกษ ตามลำดับ

ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส (Influenza virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด (type) คือ A, B และ C สามารถติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย แพร่เชื้อผ่านการไอ จามรดกัน หรือได้รับเชื้อจากการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ

ในส่วนของอาการหลังจากได้รับเชื้อ จะมีไข้สูง ไอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ และเจ็บคอ ในกลุ่มเด็กอาจพบอาการระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง บางรายสามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน หรือหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์ทันที

นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและคนในครอบครัว โดยการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention: UP) และยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่

  1. ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม โดยใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูทุกครั้ง และควรใส่หน้ากากอนามัย
  2. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ ถูมือให้ทั่วก่อนรับประทานอาหาร และภายหลังเข้าห้องน้ำ ห้องส้วม หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ
  3. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือในสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เว้นระยะห่างระหว่างจากผู้อื่น
  4. เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม แม้ผู้ป่วยมีอาการไม่มาก ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ

ทั้งนี้ การปฏิบัติดังกล่าวจะทำให้ลดความเสี่ยงจากโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ โรคติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ รวมถึงโรคโควิด-19 ด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 65)

Tags: , ,
Back to Top