กรมปศุสัตว์หารือผู้ผลิตพร้อมรองรับภาวะวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน-ราคาสูง

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่กรมประมง ร่วมกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ หารือถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไข เพื่อบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น

โดยสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย แจ้งว่า โรงงานอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบด้านต้นทุน จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/63 ตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 25-30% ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ประกอบด้วยกัน 2 ส่วน ได้แก่

  1. สถานการณ์ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึงค่าบริหารจัดการและการขนส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้
  2. นโยบายภาครัฐที่ต้องการดูแลราคาพืชอาหารสัตว์ในประเทศ เช่น มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี โดยจะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ 3 ส่วน ก่อนนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน การจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมาตรการด้านภาษี อาทิ ภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% รวมถึงที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาและอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองที่สำคัญของโลกประสบภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันมีความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญต่อประเทศไทยรวมถึงทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีสำหรับเลี้ยงสัตว์ ทำให้การส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์หยุดชะงักไป เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และทำให้มีราคาสูงขึ้น

อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีกล่าวว่า ความมั่นคงทางอาหาร อาจมีผลมาจากภาวะสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก และภาวะความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ รวมไปถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (Climate change) จึงจำเป็นต้องมีแนวทางที่รองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตภาคปศุสัตว์ ดังนั้น ต้องมีมาตรการในการหาแหล่งวัตถุดิบทดแทน ซึ่งมีแหล่งที่มาจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในที่ประชุมมีข้อสรุปถึงแนวทางมีในการแก้ปัญหา ดังนี้

1. ระยะสั้น

  • ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 ส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวสาลีได้โดยเสรี จากหลายแหล่งทั่วโลก ส่งผลให้ราคาการซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาดโลก
  • ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากกากถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนที่ใช้เป็นวัตถุดิบสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์
  • เปิดให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ยกเลิกโควต้าภาษีและค่าธรรมเนียม ในปริมาณที่ขาดแคลนในปี 65 เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ ทำให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอตลอดปี และลดต้นทุนในการผลิตอาหารสัตว์

2. ระยะยาว

  • การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าว (ข้าวโพดหลังนา)
  • พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตพืชอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดให้สามารถมีผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น
  • การส่งเสริมการปลูกและใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดพร้อม (Green Deal)

“นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้พัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่มีวัตถุดิบทางเลือก สำหรับเกษตรกรเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ โดยสามารถศึกษาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ https://nutrition.dld.go.th

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top