ดาวโจนส์ปิดลบ 201.94 จุด หลังพาวเวลส่งสัญญาณเร่งขึ้นดบ.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (21 มี.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,552.99 จุด ลดลง 201.94 จุด หรือ -0.58%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,461.18 จุด ลดลง 1.94 จุด หรือ -0.04% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,838.46 จุด ลดลง 55.38 จุด หรือ -0.40%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง หลังจากนายพาวเวลกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า “ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เราจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และหากเราพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เราก็จะทำ”

ถ้อยแถลงของนายพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และยังสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งรวมถึงนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด และนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มธุรกิจการสื่อสาร โดยหุ้นพินเทอเรสต์ ดิ่งลง 2.91% หุ้นสแนป ร่วงลง 2.36% หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 0.87% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.58% หุ้นเอทีแอนด์ที ปรับตัวลง 0.22%

หุ้นกลุ่มธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 2.16% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 2.39% หุ้นไนกี้ ปรับตัวลง 0.83%

หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 2.31% หลังจากสำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของรัสเซียรายงานว่า ศาลรัสเซียมีคำสั่งระงับการใช้งานแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในรัสเซียแล้วเมื่อวานนี้ โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวสนับสนุนความรุนแรง

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.59% หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส พร้อมผู้โดยสาร 132 คน ตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อช่วงบ่ายวานนี้

ทั้งนี้ เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งล่าสุดอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทโบอิ้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ถูกระงับการขึ้นบินทั่วโลก หลังเกิดเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้งรุ่นดังกล่าวของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ตกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2562 ซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 157 รายเสียชีวิต โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 5 เดือนหลังจากเครื่องบินรุ่นเดียวกันของสายการบินไลอ้อนแอร์ตกในอินโดนีเซีย ซึ่งคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 189 ราย

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.53% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.17% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.27%

ส่วนหุ้นบริษัทผลิตอาวุธพุ่งขึ้น ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีแนวโน้มยุติลงในขณะนี้ โดยหุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) พุ่งขึ้น 4.32% หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) พุ่งขึ้น 3.24% หุ้นเรย์เธียน เทคโนโลยีส์ (Raytheon Technologies) ดีดขึ้น 2.33% หุ้นเจเนอรัล ไดนามิกส์ (General Dynamics) พุ่งขึ้น 2.54%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top