HOT: “ชัชชาติ” กับ 213 action plans สร้าง กทม.เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) หมายเลข 8 มากับฉายา “ผู้แข็งแกร่งในปฐพี” โพรไฟล์อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รมว.คมนาคม ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วในการลงชิงเก้าอี้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในนามอิสระ หลังลาออกจากพรรคเพื่อไทยเพื่อศึกษาแผนงานและเตรียมทีมงาน

นายชัชชาติ เปิดนโยบายหลักในการสร้างกรุงเทพฯให้เป็นเมืองน่าอยู่ของทุกคน โดยมองว่าหัวใจการแก้ปัญหา กทม.ในระยะยาวต้องเริ่มจากฐานราก หากภาคประชาชนเข้มแข็ง ภาครัฐโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ต้องเดินก้าวไปด้วยกัน

ลุยงานทันทีหากได้รับเลือก

นายชัชชาติ กล่าวว่า หากได้เป็น ผู้ว่ากทม.จะเริ่มทำงานตั้งแต่วันแรก ไม่มีฮันนีมูน ไม่มีฝึกงาน สิ่งแรกที่จะทำคือ การเชิญ ส.ก.ทุกเขตที่ได้รับเลือกตั้งมาพร้อมกันไม่ว่าจะอยู่พรรคใดสังกัดใด เข้ามาร่วมหารือกับ ผู้อำนวยการเขตทุกเขต และ ปลัด กทม.เพื่อกำหนด Action Plan ให้สามารถเดินหน้าพัฒนา กทม.ได้ทันที

“หากได้เป็นผู้ว่ากทม สิ่งแรกที่จะทำ จะเชิญ ส.ก.มาคุยแนวคิดกันยังไง เพราะส.ก. คือคนที่ประชาชนเลือกมา ผู้ว่าฯ ต้องทำงานกับ ส.ก.กับทุกพรรคได้”

แนวทางการพัฒนากรุงเทพฯ วางไว้ใน 3 มิติ ประกอบด้วย

มิติที่ 1 ด้านคุณภาพชีวิต มุ่งแก้ไขปัญหาเส้นเลือดฝอย อาทิ ฝุ่น PM 2.5 ทางเท้า ขยะมูลฝอย น้ำท่วม การศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ

มิติที่ 2 ด้านประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ส่งเสริมให้ข้าราชการ กทม.หันหลังให้ผู้ว่าฯ และหันหน้าให้ประชาชน ไม่ส่วย-ไม่เส้น ใช้เทคโนโลยีช่วยบริหารจัดการและส่งเสริมความโปร่งใส

มิติที่ 3 ด้านการส่งเสริมโอกาสของเมือง เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกคนทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน อนาคตของกทม.อีก 10 ปี เพื่อสามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ มาเลเซีย

“2 เรื่องแรกเป็นงานประจำ เรื่องที่ 3 เป็นงานยุทธศาสตร์ที่ผู้ว่าต้องผลักดันให้ได้ ร้อยเรื่องเป็น 9 ด้าน 9 ดี 213 เรื่อง”

นายชัชชาติ กล่าว

ชูนโยบาย 9 ดี 9 ด้าน 213 เรื่อง (213 แอคชั่นแพลน)

นายชัชชาติ เปิดเผยว่า ทีมงานนำโจทย์ “กรุงเทพฯเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” ที่เป็นดัชนีชี้วัดเมืองน่าอยู่มาใช้ในการออกแบบนโยบายดี 9 ด้าน ที่มีแผนปฏิบัติการ (Action Plans) จำนวน 213 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องจะมีเป้าหมายกำหนดไว้ให้ประชาชนได้เห็นชัดเจน ประกอบด้วย

1.สิ่งแวดล้อมดี สะอาด สบาย ใกล้บ้าน สามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวภายใน 15 นาที

2.สุขภาพดี มีการดูแลเชิงรุก ปรับปรุงการบริหารจัดการ พาหมอไปหาประชาชน

3.เดินทางดี เชื่อมต่อ คล่องตัว เข้าถึงได้ ราคาถูกราคาเดียว

4.ปลอดภัยดี ทุกที่ทุกเวลา ลดจุดเสี่ยง เพิ่มความพร้อมในการรับมือเหตุฉุกเฉิน

5.บริหารจัดการดี มีประสิทธิภาพ ประชาชนมีส่วนร่วม โปร่งใส ไม่มีส่วย

6.โครงสร้างดี ครอบคลุมทุกเส้นเลือดฝอย ทั้งโครงสร้างการระบายน้ำ ที่พักอาศัย และผังเมือง

7.เศรษฐกิจดี ทำกรุงเทพฯให้ถุกลง สร้างโอกาส สร้างรายได้ ขยายศักยภาพเศรษฐกิจเมือง

8.สร้างสรรค์ดี พิพิธภัณฑ์ พื้นที่สาธารณะ ห้องสมุดดิจิทัล และพื้นที่งานศิลปะ

9.เรียนดี ยกระดับการดูแล เพิ่มโอกาส เพิ่มเวลาให้ครู นักเรียน และผู้ปกครอง

“เราก็มี action plan กว่า 213 ข้อที่พร้อมดำเนินการได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน ทั้งหมดเป็นแนวคิดที่เป็นไปได้ ไม่เพ้อฝัน ทำได้จริง ไม่ใช้งบประมาณที่สูงมาก และส่งผลที่ดีกับชีวิตประชาชนทุกคน เชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่นำความหวังมา และพาประชาชนเดินหน้าไปด้วยกัน”

นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวว่า ถ้าอยากให้ กทม. เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ต้องมีนโยบายที่ลงรายละเอียด เพราะแต่ละเขตแต่ละพื้นที่มีความต้องการต่างกัน ดังนั้น กทม.จะต้องมีนโยบายรายเขต เช่น เขตหนองจอกจะเป็นเรื่องหนึ่ง ฝั่งธนก็อีกเรื่องหนึ่ง จะเปิดนโยบายขึ้นเว็บไซต์ให้ประชาชนมาให้ความเห็น ซึ่งจะสามารถลดได้-เพิ่มได้ตลอดเวลา

นอกจากนั้นจะไม่เน้นโครงการเมกะโปรเจ็คต์ เพราะ กทม.ไม่ได้มีเงินมาก โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเก็บภาษีที่ดินไม่ได้ และยังเป็นหนี้ก่อนใหญ่กับบีทีเอส แต่จะเน้นโครงการเส้นเลือดฝอย เพื่อดูแลชุมชนในเขตให้ดี เชื่อว่าไม่ได้ใช้งบประมาณมากนัก

“เป็นนโยบาย ที่เรียกว่าทำน้อย ใช้น้อย แต่ได้เยอะ เราไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่เราเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โครงการกว่า 200 โครงการไม่ได้ใช้งบประมาณ เพราะมีการคิดมาอย่างดีแล้ว”

ย้ำความอิสระ-ติดดิน นำความหวังเดินไปพร้อมชาว กทม.

นายชัชชาติ ยืนยันลงสมัครในนามอิสระโดยไม่มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุน ย้ำลาออกจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เดือน พ.

ย.62 เพื่อตั้งใจทำงานพัฒนากรุงเทพฯ โดยมองว่าการลงสมัครในนามอิสระเป็นผลดีกับการทำงานการเมืองท้องถิ่น กทม.สามารถจับมือ
เครือข่ายและขยายทีมงานคนรุ่นใหม่ให้ร่วมงานมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

พร้อมระบุว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ปวารณาตัวว่าจะเป็นผู้ว่าของประชาชน เป็นผู้ว่าฯ ติดดิน ลงหาประชาชน สัมผัสประชาชนจริง เป็นผู้ว่าฯ สัญจร มีการประชุมที่เขต ทุกอาทิตย์ 1 ปี ไปครบ 50 เขต ต้องไปเยี่ยมชุมชนให้ได้อย่างน้อย 500 ชุมชน

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีศักยภาพ มีพลัง มีสิ่งสวยงาม ชุมชนเข้มแข็ง ผู้สูงอายุที่เป็นคลังปัญญาของสังคม อีกทั้งเป็นเป็นเพชรที่ยังไม่เจียระไน ยังไม่เปล่งประกายออกมาสมศักดิ์ศรี กทม. ต้องเป็นผู้เจียระไนให้เป็นเมืองที่มีคุณค่าระดับโลก

“ปัญหากทม. แก้ไม่ง่าย แต่ถ้าไม่เริ่มก็แก้ไม่ได้ ผมพร้อมเป็นผู้นำความหวัง พาประชาชนวิ่งไปด้วยกัน ผมจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน”

นายชัชชาติ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top