หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบคล้ายภูมิภาค รอเงินเฟ้อสหรัฐ-ราคาน้ำมันพุ่งหนุน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบแคบ คล้ายตลาดภูมิภาค  นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่บ้านเรายังคงได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น, หุ้นกลุ่มขนาดกลางและเล็กจากเงินทุนในประเทศไหลเข้า และหุ้นอิงการเปิดประเทศจีน ให้แนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,643 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ คล้ายกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยนักลงทุนรอดูการเปิดเผย ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์นี้

ขณะที่บ้านเราน่าจะได้ปัจจัยหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ทั้งพลังงานต้นน้ำ และโรงกลั่น รวมถึงมองหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้น้อย ในหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็น่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินในประเทศ ไหลเข้า หลังนักลงทุนกังวลเงินเฟ้อสูง อาจส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นที่อิงการเปิดประเทศ จีน ก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้ดี

ให้แนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,643 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,910.90 จุด ลดลง 269.24 จุด หรือ -0.81%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,115.77 จุด ลดลง 44.91 จุด หรือ -1.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,086.27 จุด ลดลง 88.96 จุด หรือ -0.73%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,189.35 จุด ลดลง 44.94 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,121.53 จุด เพิ่มขึ้น 106.94 จุด หรือ +0.49% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,259.49 จุด ลดลง 4.3 จุด หรือ -0.13%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มิ.ย.) ที่ระดับ 1,636.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด, +0.30%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,021.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.(8 มิ.ย.)เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 122.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2565

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มิ.ย.) อยู่ที่ 20.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.55 อ่อนค่าตามค่าเงินภูมิภาค หลังบอนด์ยิลด์เพิ่มหนุนดอลลาร์แข็งค่า

– กนง.เสียงแตกมติ 4:3 “คง” ดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ส่งสัญญาณชัด พร้อม “ขึ้นดอกเบี้ยสู้เงินเฟ้อ” หลังประเมินเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ลั่นหมดความจำเป็นต้องใช้มาตรการการเงินผ่อนคลายช่วย เปิดสมมุติฐานภัยเงินเฟ้อเพิ่มภาระให้ประชาชนมากกว่าขึ้นดอกเบี้ย 7-8 เท่า ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ฟันธงดอกเบี้ยขยับในการประชุมรอบหน้า คาดสิ้นปีแตะ 1.25%

– นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 17 มิ.ย.นี้ เพื่อยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มีผลวันที่ 1 ก.ค.นี้ หลังจากได้ยกเลิกสำหรับคนไทยไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนในระบบไทยแลนด์ พาส อยู่ เพื่อแจ้งข้อมูลการฉีดวัคซีน และการทำประกันสุขภาพ ซึ่งความจริงเรื่องการฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้คลายล็อกให้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.แล้ว ว่าหากยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดยังไม่ครบโดส ก็สามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ถูกกักตัว โดยให้แสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ล่วงหน้า 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

– นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนจากผลสำรวจเดือน พ.ค.65 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.91 ปรับตัวลดลง 12.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นการลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนลงมากที่สุด ได้แก่ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รองลงมาคือ ความกังวลต่อสถานการณ์ Covid-19 ที่อาจระบาดอีกครั้งหลังรัฐบาลเปิดประเทศและความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

– ป่วยโควิดเพิ่ม 2,688 ราย เสียชีวิต 21 คน นายกฯ เชิญชวนฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ‘อนุทิน’ไม่ประกาศถอดแมสก์ แม้เปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่น จะใส่หรือถอด อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจเอง สปสช. เลิกจ่ายค่าตรวจโควิดรพ.นอกระบบบัตรทอง เริ่ม 1 ก.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

– BGRIM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 37.00 บาท “ลุ้นดีลเพิ่มกำลังการผลิต 0.5-1 GW, การปรับขึ้นค่าไฟ 2 ครั้ง ในรอบปีหนุน” รับประโยชน์จาก ค่า FT ในเดือน ม.ค.-เม.ย. 16.71 สตางค์ ต่อหน่วย และ เดือน พ.ค.-ส.ค. 23.38 สตางค์ ต่อหน่วย ตามลำดับ การขึ้นค่าไฟมีทิศทางเดียวกับราคาพลังงาน (รัฐตรึงราคาไม่ไหว) ทยอย COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 136 MW ในช่วงที่เหลือของปี. กำลังการผลิตติดตั้ง (Install Capacity) ปัจจุบันอยู่ที่ 3254 MW ตั้งเป้าเพิ่มอีกราว 0.5-1 กิกะวัตต์ (รวม M&A) ในครึ่งหลังปี 65 KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 812 ลบ. และ 1.79 พัน ลบ. -64%YoY, +121%YoY ตามลำดับ

– BCP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท ปัจจัยหนุนมาจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจากภาวะอุปทานตึงตัว ส่งผลบวกต่อการรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึงธุรกิจ E&P ที่มีการส่งก๊าซและน้ำมันดิบเข้าสู่ยุโรปจะได้รับประโยชน์จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยผลประโยชน์ดังกล่าวเพียงพอที่จะช่วยชดเชยธุรกิจการตลาดที่ถูกกระทบจากช่วงที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น และรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

– KSL (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท จะประกาศงบไตรมาส 2/65 (งวดเดือน ก.พ.-เม.ย) วันพรุ่งนี้ เราคาดจะออกมาดีโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามฤดูกาล เป็นช่วงพีคของการหีบอ้อยและเริ่มรับรู้การขายส่งออกน้ำตาลล็อตใหม่ที่ราคาสูงขึ้น คาดกำไรปี 2565 กลับมาโตแรง +92% Y-Y แตะระดับ 1 พันลบ.ครั้งแรกในรอบ 5 ปี คงเป้า 4.7 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดต่ำบุ๊คเพียง 0.9 เท่า ช่วยจำกัด Downside

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top