หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาคขานรับเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาดคลายกังวลเฟด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค ตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดสะท้อนผ่านจุดสูงสุดแล้ว หนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ยชะลอลงในเดือน ธ.ค.นี้ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงแรงหนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้น และค่าเงินบาทแข็งก็เป็นปัจจัยหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง ให้แนวรับ 1,620-1,612 จุด และแนวต้าน 1,635-1,650 จุด

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด โดยดัชนี CPI ทั่วไปรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้น 7.7% ในเดือน ต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 7.9% และชะลอตัวจาก 8.2% ในเดือน ก.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 6.3% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 6.5% และชะลอตัวจาก 6.6% ในเดือน ก.ย.

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ หรือปรับขึ้นในระดับ 0.50% และคาดว่าจะขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 66 ครั้งละ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 5% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 5.25%

นอกจากนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ก็ปรับตัวลงแรง มาที่ระดับ 107.9 ดอลลาร์สหรัฐ หนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ ประกอบกับค่าเงินบาทมีสัญญาณแข็งค่ารุนแรง มาอยู่ที่ระดับ 36.00 บาท/ดอลลาร์ หนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง

ให้แนวรับ 1,620-1,612 จุด และแนวต้าน 1,635-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,715.37 จุด พุ่งขึ้น 1,201.43 จุด หรือ +3.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,956.37 จุด เพิ่มขึ้น 207.80 จุด หรือ +5.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,114.15 จุด พุ่งขึ้น 760.97 จุด หรือ +7.35%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,868.69 จุด เพิ่มขึ้น 422.59 จุด หรือ +1.54%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,120.05 จุด พุ่งขึ้น 1,039.01 จุด หรือ +6.46% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,099.65 จุด พุ่งขึ้น 63.52 จุด หรือ +2.09%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,619.23 จุด ลดลง 3.22 จุด, -0.20%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 833.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(10 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 86.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ย.) อยู่ที่ 7.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.11 แข็งค่า ตลาดคาดหวังเฟดชะลอเร่งขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด

– MSCI ปรับหุ้นในการคำนวณดัชนี (ใช้ราคาปิด 30 พ.ย.65) โดย นำ BAM ออกจาก Global standard index ด้าน small cap นำ BAM, ERW , NEX, JWD, RAM เข้า และนำ PSG, SYNEX ออก

– กนอ.อวดยอดขาย/เช่าที่ดินพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมปี 65 ทะลุ 2 พันไร่ อานิสงส์เปิดประเทศหนุนเต็มสูบ ฟุ้งเนื้อหอมต่างชาติสนใจเข้าชมพื้นที่ต่อเนื่อง จ่อขยับเป้าขาย/เช่าปีหน้าเพิ่มเป็น 2.5 พันไร่

– “ศูนย์วิจัยทองคำ” เผยดัชนีเชื่อมั่นราคาทองคำเดือน พ.ย.65 ลดลง 6.50% รับกังวลเฟดขยับดอกเบี้ย แรงขายเก็งกำไรกองทุนและเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัว พร้อมคาดราคาทองคำในประเทศเคลื่อนไหว บาทละ 29,100-30,500 บาท

– ผู้ประกอบการอสังหา ระบุไม่ต่อมาตรการแอลทีวี ซ้ำเติมตลาดยุคเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เงินเฟ้อ ต้นทุนสินค้าพุ่ง หวั่นผลักดันลูกค้าหันกู้ สินเชื่อระยะสั้น-นอกระบบ แย้งแนวคิด ธปท. ซื้อบ้านหลังสองไม่เกี่ยวเก็งกำไร

– “สุพัฒนพงษ์” ดันผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่ม 1 หมื่นเมกะวัตต์ ใน 6 ปี เสริมดีมานต์รถอีวี ในไทยหลังยอดจองอีวี ทะลุ 1.5 หมื่นคัน ชี้ระยะสั้นเร่งดันผลิตอีวีในประเทศให้ได้ 10% คาดเติบโตได้อีกมาก คาดคลังชงลดภาษีดีเซลเข้า ครม. 15 พ.ย.นี้ หลังเก็บรายได้ เข้าเป้า สศช.ผนึก 5 องค์กรยูเอ็น เข้าร่วมโครงการ PAGE ตั้ง 5 โจทย์ขับเคลื่อนเป้าเป็นกลางคาร์บอนไทยปี 2050

– นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจปกติหรือก่อนเกิดโควิด และจะขยายตัวได้ 3.5-4% ทำให้เศรษฐกิจที่เคยติดลบในปี 2562-2563 และปี 2564 บวก 1.5% รวมถึงปี 2565 กลับมาเป็นบวกที่ 3.3-3.5% เศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นโดยคาดหวังว่า หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจะส่งผลให้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากค่อยๆ ดีขึ้น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงกลางปี 2566 ที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นชัดเจนขึ้นในไตรมาส 2/2566

หุ้นเด่นวันนี้

– JMART (ดาโอ)เป้าเชิงกลยุทธ์ 48.50 บาท ประเมินรายได้ของ J Group ในไตรมาส 4/65 เติบโตหนุนด้วย บ. ลูกหลัก อาทิ JMT (ซื้อหนี้เสียเพิ่ม), SIGNER (เข้าฤดูเก็บเกี่ยวหนุนการใช้จ่าย) และ JMART ที่เข้าสู่ High Season ของการขายมือถือลุ้นราคาหุ้น JMART เริ่มฟื้นตัวหลังการปรับฐานในรอบ 6 เดือน (จาก พ.ค.-พ.ย.) ที่ -25.6% ประเมิน Downside เริ่มจำกัดBloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 3 เฉลี่ยที่ 1.78 พัน ลบ. และ 2.24 พัน ลบ. -28%YoY, +25%YoY ตามลำดับ

– ASK (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 45.25 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/65 ทำ New High +8% Q-Q, +24% Y-Y หนุนจากสินเชี่อที่โตเด่นตามความต้องการใช้งานรถบรรทุกสอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งที่เติบโต ชดเชย Credit Cost ที่ขยับขึ้นได้ คาดกำไรปี 2565-2566 เติบโตแข็งแกร่ง +24% Y-Y และ +20% Y-Y ตามลำดับ ขณะที่ Valuation ปัจจุบันยังค่อนข้างถูก เทรด 2023PER เพียง 12 เท่าและให้ Dividend Yield กว่า 4% ต่อปี

– GPSC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 72 บาท รับผลบวก กกพ.ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้ชั่วคราว, มี Sentiment บวกจาก Bond yield ร่วงแรง และค่าเงินบาทแข็งค่ามากสุดในรอบ 2 เดือน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top