หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขค้าปลีกสหรัฐต่ำคาดส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย และดาวโจนส์นสหรัฐดิ่งหนัก ทำให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลงตาม อีกทั้งยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ คาดตลาดหุ้นไทยพักตัวระยะสั้น ให้แนวต้าน 1,690-1,695 จุด แนวรับ 1,670-1,675 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ รับความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย หลังจากตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนธ.ค. -1.1% ย่ำแย่กว่าที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงแรงกว่า 600 จุด และในเช้าวันนี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และอัพไซด์เริ่มจำกัดหลังปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เริ่มเห็นการพักตัวระยะสั้นเพื่อรอปัจจัยใหม่ อีกทั้งนักลงทุนยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้

พร้อมให้แนวต้าน 1,690-1,695 จุด แนวรับ 1,670-1,675 จุด

 

 ประเด็นพิจารณาการลงทุน


          – ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  33,296.96 จุด ร่วงลง 613.89 จุด หรือ -1.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,928.86 จุด ลดลง 62.11 จุด หรือ -1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,957.01 จุด ร่วงลง 138.10 จุด หรือ -1.24%
          – ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,541.08 จุด ลดลง 250.04 จุด หรือ -0.93%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่  21,452.26 จุด ลดลง 225.74 จุด หรือ -1.04% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,221.52 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.09%
          – ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.65) 1,685.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด, +0.26%
          – นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ  1,606.76 ลบ.เมื่อวันที่ 18 ม.ค.65
          – ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (18 ม.ค.)  ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 79.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
          – ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.) อยู่ที่ 9.90 เหรียญ/บาร์เรล
          – เงินบาทเปิด 33.06 อ่อนค่าตามภูมิภาค นลท.กังวลศก.ถดถอยหันถือดอลลาร์
          – “แบงก์ชาติ” ห่วงนโยบาย “ล้างประวัติ” ลูกหนี้พ้นเครดิตบูโร อาจซ้ำเติม ระบบสถาบันการเงินลามจนเกิดวิกฤติได้ หวั่นผู้กู้-ผู้ฝากขาดความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงิน กระทบเรตติ้งสถาบันการเงินวูบ
          – สำนักวิจัย กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (เคเคพี) เปิดเผยว่า ได้ประเมินการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาดของจีนส่งผลบวกค่อนข้างมากต่อเศรษฐกิจไทยในปี 66 จากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว แม้ว่าในระยะสั้นจีนยังเจอความท้าทายจากการระบาดของโควิดก็ตาม โดยปรับจีดีพีจากเดิมคาดปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.8% เป็น 3.6% คาดว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 25.1 ล้านคนจากที่เคยคาด 19.2 ล้านคน ซึ่งส่งผลบวกเพิ่มเติมต่อการบริโภคในประเทศ
          – ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในเทศกาลตรุษจีน วันที่ 19-27 ม.ค.นี้ คาดสร้างรายได้รวม 21,296 ล้านบาท ฟื้นตัว 48% จากปี 2562 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 588,900 คน สร้างรายได้สะพัด 16,696 ล้านบาท ฟื้นตัวกลับมา 44% ของช่วงเดียวกันในปี 2562 และคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 1.38 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 4,600 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 59% ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวมีความคึกคักมากกว่าปีก่อนหน้า
          – รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูงส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น เป็นการเร่งอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการลดลง คาดว่าราคาพลังงานจะมีผลกระทบในระยะยาว จึงมอบให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ศึกษาผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม พบว่าการขึ้นค่าไฟฟ้าที่อัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรม 4.88% อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เหล็ก รองลงมา ได้แก่ ซีเมนต์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เครื่องแต่งกาย เซรามิก

หุ้นเด่นวันนี้

          –  บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อ “SAF” ในวันนี้วันแรก ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท ราคา IPO หุ้นละ 1.93 บาท ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงบริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ โดยมีลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มอื่นๆ ทั้งที่นำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้งานโดยตรง และลูกค้าประเภท Supplier ซึ่งนำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปผลิตชิ้นงานเพื่อจำหน่ายต่อ
          – IVL (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 44.50 บาท  กรณีดีลซื้อ PTL หากเกิดขึ้นคาดจะเป็นบวกต่อกำไรของ IVL (ตามสัดส่วนการถือ 50%) ราว 5-7% ต่อให้ไม่มีดีลนี้ก็คาด IVL ยังคงเดินหน้าM&A กิจการใกล้เคียงกัน และให้น้ำหนักการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นบวกต่อ Spread มากกว่า (ราคาขายเพิ่มขึ้น) แม้ราคาน้ำมัน Brent จะทรงตัวเหนือระดับ $80/บาเรล PET Spread ทรงตัวและอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. ลุ้นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนนับจากเดือน ก.พ. รับการเปิดประเทศของจีน DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 4.8 หมื่น ลบ. และ 2.99 หมื่น ลบ. +84%YoY, -38%YoY ตามลำดับ
          –  M (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท ราคาหุ้นที่พักตัวลงจาก High เกือบ 10% เราเชื่อว่าสะท้อนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 อาจต่ำกว่าเคยคาดไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยกดดันเกิดจากการบันทึกโบนัสพนักงาน มองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว แนวโน้มการฟื้นตัวปี 66 คาดว่ายังแข็งแรงคาดกำไร +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ตามการ Reopening เต็มปี การเปิดประเทศของจีนจะเป็นบวกต่อแหลมเจริญระยะถัดไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top