CONSENSUS: ชี้เป้า BCP จังหวะอ่อนตัวเป็นโอกาส “ซื้อ” ดีล ESSO ยัง Go on เสริมแกร่ง

หลัง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) จาก Exxon Mobil Asia Holdings Pte. Ltd. (ExxonMobil) มูลค่ากิจการรวม 55,500 ล้านบาท คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 66 ส่งผลทำให้ราคาหุ้น ณ วันประกาศดีล (12 ม.ค.66) ดีดขึ้นราว 8.66% มาที่ 34.50 บาท และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องเกือบ 40 บาทในวันถัดๆ ไป ก่อนที่จะย่อตัวลงตามภาะรวมตลาดจนล่าสุดวานนี้ (8 มี.ค.66) ปิดที่ 32.50 บาท ใกล้กับราคาหุ้นก่อนประกาศดีล (10 ม.ค.66) ปิดที่ 32.50 บาท)

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของ BCP ที่อ่อนตัวลงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องด้วยผู้บริหารยืนยันดีลซื้อกิจการ ESSO ในสัดส่วน 65.99% ยังคงเป็นไปตามแผน และคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66

คอนเฟิร์มเงื่อนไขบังคับก่อนผ่านฉลุย

ปัจจุบัน BCP อยู่ระหว่างดำเนินการตามเงื่อนไขที่ต้องบรรลุก่อนเข้าซื้อ (Condition Precedent) ซึ่งประกอบด้วย 3 ข้อหลัก ได้แก่

1. ESSO จะต้องได้รับความเห็นชอบ หรือการผ่อนผันหน้าที่ตามข้อกำหนดหรือข้อจำกัดที่ระบุไว้ โดยเฉพาะในสัญญาขยายและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม ฉบับลงวันที่ 27 ธ.ค.34 (รวมที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) จากกระทรวงพลังงาน เพื่อให้สามารถขายหุ้นให้แก่ BCP ซึ่ง ESSO ยืนยันมาแล้วว่าสามารถทำได้

2. BCP ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อกิจการ คาดว่าในประเด็นนี้ไม่น่ามีปัญหา และน่าจะได้รับการอนุมัติในการประชุมผู้ถือหุ้นเดือน เม.ย.นี้

3. การได้รับความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ได้แก่ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรามองว่าประเด็นนี้ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องด้วยผู้เล่นโรงกลั่นลดลงจาก 4 ราย เหลือ 3 ราย ก็ยังมีผู้เล่นที่สามารถแข่งขันด้านราคากันได้ ส่วนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน แม้จะลดลงมา 1 ราย แต่ก็ยังมีผู้เล่นอีก 5-6 ราย และการกระจายตัวของปั๊มน้ำมันก็ยังมีมากกว่า 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ทำให้คาดว่า BCP จะได้รับการอนุมัติให้ควบรวมกิจการจากภาครัฐในที่สุด

สำหรับการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น BCP ยังมองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อดีลดังกล่าว เนื่องด้วยการอนุมัติจะอยู่ในระดับกระทรวงเท่านั้น

ยังรอ Indicative Price

ราคาซื้อขายหุ้น (Indicative Price) ปัจจุบัน BCP ยังอยู่ระหว่างรอตัวเลขในส่วนของรายการปรับปรุง ซึ่งยังไม่ได้รับจาก ESSO ทำให้ยังไม่มีช่วงราคาซื้อขายหุ้นออกมา

อย่างไรก็ตาม ถ้า ESSO จ่ายเงินปันผลตามที่คาดหวังไว้ราว 0.60 บาท ก็จะทำให้ราคา Indicative Price Rate ปรับลดลง 0.60 บาทเช่นเดียวกัน เพื่อสะท้อนเงินสดที่หายไปของบริษัท หรือมองได้ว่าผู้ถือหุ้นอาจจะได้รับเงินปันผล แต่ราคาที่ BCP ทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ก็จะลดลงด้วย

*หลังซื้อ ESSO ฐานะการเงินแกร่งขึ้น

สถานะทางการเงินของ BCP หลังจากเข้าซื้อกิจการ ESSO รวมถึง บมจ.บีซีพีจี (BCPG) ที่ได้มีการประกาศเข้าซื้อโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และร่วมลงทุนต่อเนื่อง BCP คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt to Equity Ratio) จะไม่เกิน 1.5 เท่า ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดจะไม่เกิน 1.7 เท่า เนื่องจากหนี้กองทุนน้ำมันปรับตัวลง ทำให้มีการจ่ายเงินคืนแก่ธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมัน ส่งผลให้เงินสดในบริษัทมีเพิ่มขึ้น

ส่วนงบลงทุน 8 ปีข้างหน้า (ปี 66-73) ที่ 2 แสนล้านบาท จะยังคงมี Net Debt to Equity Ratio อยู่ที่ 1.5 เท่า และสนับสนุนให้ EBITDA โตถึง 10 เท่า จาก 10,000 ล้านบาท จะขยับขึ้นไปเป็น 1 แสนล้านบาทภายในปี 73 ตามการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) คาดจะมีสัดส่วน EBITDA เกือบ 50% และธุรกิจโรงกลั่น จะลดลงเหลือ 26% ส่วนธุรกิจไฟฟ้าจะเหลือ 11% ส่งผลให้ในอนาคต BCP จะทรานฟอร์มจากหุ้นโรงกลั่น เป็น Indicated upstream กับ โรงกลั่น ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำกำไรในระยะยาว

คงแนะนำ Outperform Market ให้ราคาเป้าหมายปี 66 ไว้ที่ 42.50 บาท โดยเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาอยู่บริเวณก่อนประกาศดีล มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ จากดีลยัง Go On และ BCP มั่นใจว่าจะปิดดีลได้ในครึ่งปีหลังของปีนี้

ราคาปิดช่วงเช้า BCP มาอยู่ที่ 32.25 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.77%) ขณะที่ดัชนี SET +0.41%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top